สรุปภาวะตลาด
FED ลดดอกเบี้ยเพิ่มอีก 0.25% และกล่าวถึงผลกระทบจากการชนะเลือกตั้งของทรัมป์
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 4.5-4.75% โดยที่ปรับลดลง 0.25% ตามที่หลายฝ่ายคาดหวัง เพื่อรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจและควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่ต้องการ ส่งผลให้ S&P 500 และ Nasdaq พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี อย่าง Nvidia และ Amazon ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกว่าตลาดยังเชื่อมั่นในผลดีจากการลดดอกเบี้ยโดย พาวเวลล์ ยืนยันว่า ผลการเลือกตั้งจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจของเฟดในระยะสั้น เพราะเฟดพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจจริงเป็นหลัก เช่น อัตราการจ้างงานและเงินเฟ้อ มากกว่าการคาดเดานโยบายจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์กับทรัมป์และความเป็นไปได้ในการลาออก พาวเวลล์ตอบชัดเจนว่า "ไม่ลาออก" และย้ำว่าประธานาธิบดีไม่มีอำนาจในการสั่งให้ประธานเฟดออกจากตำแหน่ง
มุมมอง
การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดหวัง เฟดน่าจะยังไม่เร่งปรับนโยบายเพิ่มเติม จนกว่าจะได้เห็นข้อมูลเศรษฐกิจในระยะถัดไป ขณะที่นโยบายของ ทรัมป์ ยังไม่มีความชัดเจนและอาจใช้เวลาสักระยะก่อนที่จะเห็นผลกระทบที่เป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตามการชนะเลือกตั้งของทรัมป์ทำให้ตลาดเกิดความคาดหวัง โดยเฉพาะแผนในการลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ คาดว่านโยบายเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งผลดีต่อตลาดหุ้นในสหรัฐฯ
กลยุทธ์การลงทุน
หลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งได้ข้อสรุปแล้วว่าทรัมป์เป็นผู้ชนะ ส่งผลให้แนวโน้มตลาดการเงินและนโยบายเศรษฐกิจคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี การลงทุน และภาษี เราขอแนะนำกองทุนที่เหมาะสมกับสภาพตลาดปัจจุบัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงโอกาสในการเติบโตและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้
LHMEGA (Core port)
เหมาะกับช่วงที่ภาคเทคโนโลยีกำลังเป็นที่ต้องการสูง โดยเฉพาะเมื่อทรัมป์มีแนวโน้มสนับสนุนกลุ่มเทคโนโลยีผ่านการลดภาษีและนโยบายที่ช่วยเหลือบริษัทอเมริกัน ในช่วงนี้ บริษัท เช่น Microsoft, Google และ Amazon มีโอกาสเติบโตได้ดีและพร้อมขยายธุรกิจอย่างมั่นคง การลงทุนใน LHMEGA จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มองหาการเติบโตระยะยาวในภาคดิจิทัลที่เติบโตเร็ว
LHUSFIN (Satellite port)
สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในภาคการเงิน LHUSFIN จะได้รับอานิสงส์จากนโยบายทรัมป์ที่มุ่งผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้กับธนาคารและบริษัทการเงิน เช่น การลดข้อกำหนดที่เป็นภาระ ช่วยให้บริษัทการเงินมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น นอกจากนี้การที่ทรัมป์หนุนการบริโภคในประเทศจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มนี้ การลงทุนใน LHUSFIN จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงจากภาคการเงินที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว
LHSPACE (Satellite port)
สำหรับผู้ที่สนใจอุตสาหกรรมอวกาศและเทคโนโลยีอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทรัมป์ให้การสนับสนุนเต็มที่กับภาคเอกชน เช่น SpaceX ของอีลอน มัสก์ ที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่ลดต้นทุนการปล่อยจรวดและขยายบทบาทในโครงการสำรวจอวกาศ ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชนนี้ทำให้ LHSPACE เป็นกองทุนที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนเข้าถึงการเติบโตในกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังจะมาในอนาคต
LHGBLOCK (Satellite port)
เน้นลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในด้านการเงินดิจิทัล ความปลอดภัยของข้อมูล และการจัดการข้อมูลอย่างโปร่งใส บล็อกเชนสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของธุรกรรมและการบันทึกข้อมูลในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในภาคการเงินและโลจิสติกส์ การสนับสนุนจากทรัมป์ที่มีแนวโน้มสนับสนุนนวัตกรรมทางเทคโนโลยีทำให้บล็อกเชนเป็นกลุ่มที่น่าจับตามอง การลงทุนใน LHGBLOCK จึงเหมาะกับผู้ที่สนใจในเทคโนโลยีใหม่และการเติบโตในภาคดิจิทัล
LHDIVB (Satellite port)
เน้นลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูง โดยเฉพาะกลุ่มการเงินและพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลดีจากการเข้ามาของทรัมป์ที่เน้นสนับสนุนพลังงานดั้งเดิม เช่น น้ำมันและก๊าซ ทำให้กลุ่มนี้มีรายได้ที่มั่นคงและพร้อมจ่ายปันผลสูง นอกจากนี้ภาคการเงินก็จะได้อานิสงส์จากการผ่อนคลายกฎระเบียบและนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้บริษัทในกลุ่มนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง การลงทุนใน LHDIVB จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มองหาความมั่นคงทางรายได้จากหุ้นที่มีปันผลดี
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
เนื่องจากกองทุน ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ผลการดำเนินงานในอดีต ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
Source : Trading economics, LH Fund
Data as of 8 Nov 2024