สรุปภาวะตลาด
"จับตาการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ"
กระทรวงการคลังสหรัฐฯเปิดเผยว่า อาจจะมีเงินไม่เพียงพอในการชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯที่จะถึงกำหนดชำระในเดือนมิถุนายนนี้ หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ โดนประธานาธิบดีโจ ไบเดนมีการเรียกประชุมสภาเร่งด่วนในวันที่ 9 พฤษภาคม โดยนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯเตือนว่า หากสภาคลองเรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวอย่างรุนแรงพร้อมกับย้ำว่า กระทรวงการคลังสหรัฐอาจจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดในเดือนมิถุนายนนี้ โดยหากสหรัฐฯไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลา จะส่งผลต่ออันดับเครดิตที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง อีกทั้งต้นทุนในการกู้ยืมภาคอสังหาแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงแนวโน้มความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีแนวโน้มลดลงอีกด้วยเช่นเดียวกัน ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ได้ประเมินว่าหากไม่มีการปรับขึ้นเพดานหนี้ จะส่งผลทำให้ 1 ใน 10 ของขนาดเศรษฐกิจสหรัฐฯหยุดชะงัก อีกทั้งอาจทำให้เกิดการสูญเสียตำแหน่งงานกว่า 3 ล้านตำแหน่งอีกด้วย
มุมมอง
- หากมองจากเสียงในสภา ณ ปัจจุบัน ในสภาล่างพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งหนึ่ง คือ 222 เสียง ขณะที่พรรคเดโมแครตมี 213 เสียง ส่วนในสภาสูงพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากที่ 51 เสียง ขณะที่พรรครีพับลิกันมี 49 เสียง ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวพบว่าแต่ละสภามีเสียงข้างมากที่ไม่ได้ต่างกันมาก ทำให้คาดว่าการแก้ปัญหานี้จะสามารถหาทางออกได้ในระยะที่กระชั้นชิดก่อนถึงกำหนดการชำระหนี้ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้
กองทุนที่น่าสนใจลงทุน
- LHSTRATEGY (สำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง): พอร์ตลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีลักษณะเป็น Low Beta (มีความผันผวนต่ำ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในสภาวะตลาดที่มีการเผชิญความผันผวนที่ค่อนข้างสูง
- LHCHINA (สำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง): ถึงแม้ตลาดหุ้นจีนจะเผชิญแรงกดดันจากมาตรการการกีดกันทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ แต่จากการกลับมาเปิดประเทศของจีน ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจมีการขยายตัวเด่นในปีนี้ ประกอบกับนโยบายการเงินของจีนที่ค่อนข้างผ่อนคลาย ซึ่งสวนทางกับประเทศอื่นๆที่นโยบายทางด้านการเงินค่อนข้างตึงตัว อีกทั้ง Valuation ของตลาดหุ้นจีนยังอยู่ในระดับที่มีความน่าสนใจ ในการลงทุน จึงแนะนำกองทุน LHCHINA ตามแนวโน้มการกลับมาเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้
ที่มา : CNBC, RYT9, The Standard, Investing
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน