สรุปภาวะตลาด
"ทำไมหุ้นไทยยังน่าสนใจลงทุน แม้มูลค่าการซื้อขายรายวันลดลง?"
ตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวลงจาก 1,650 จุดช่วงต้นเดือนธันวาคมเหลือประมาณ 1,620 จุด ในวันนี้ หรือปรับตัวลงประมาณ 2% ส่วนหนึ่งเป็นการปรับตัวลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ สภาพคล่องและมูลค่าการซื้อขายในตลาดที่ลดลง รวมถึงการส่งออกของจีนที่ชะลอลงอาจส่งผลกระทบถึงการส่งออกของไทยในอนาคต อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นไทยในช่วงถัดจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนได้แก่
- เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ดังเห็นได้จากยอด FDI 10 เดือนแรกปี 2565 กว่า 106,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% เทียบปี 2564 โดยลงทุนในอุตสาหกรรม EV Charging Station, Big Data and Data Analytic เป็นต้น ขณะที่ BOI มีการอนุมัติการลงทุนเพื่อผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จาก 17 บริษัท 26 โครงการ มูลค่ากว่า 80,000 คัน (ทุกๆ EV 1 คันที่ขายในไทยและรับการสนับสนุนจากรัฐ จะต้องผลิต EV ในไทย 1.5 คัน) รวมถึงการที่ซาอุดิอาระเบียประการศลงทุนในไทยกว่า 3 แสนล้านบาทในปี 2566
- นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปีหน้า: ตั้งแต่ต้นปีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 9.67 ล้านคน (ณ 5 ธ.ค. 2565) และเป็นการเร่งตัวขึ้นในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี ในปีหน้าหากนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็นกว่า 20 ล้านคน โดยเฉพาะหากจีนเปิดประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- เงินเฟ้อของไทยที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจะสนับสนุนให้แบงค์ชาติสามารถขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- Election Rally: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาในต้นปี 2566 เช่น ช็อปดีมีคืนที่เพิ่มเป็น 40,000 บาท (จาก 30,000 ในปีนี้), เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5, การช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น
- Potential Foreign Fund Inflow: นับแต่ช่วง COVID-19 นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทยราว 150,000 ล้านบาท หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง เงินเฟ้อต่ำ และแบงค์ชาติค่อยๆ ขึ้นดอกเบี้ย คาดมีโอกาสที่จะเห็นนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วง 4-5 เดือนแรกของปี
ปัจจัยต่างๆ ข้างต้นล้วนแต่หนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดย เฉพาะเม็ดเงินลงทุนตรงจากต่างชาติ (FDI) และการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ สำหรับกำไรต่อหุ้นของ SET Index คาดว่า จะเติบโตราว 6% ในปีหน้า แม้ดูไม่สูงแต่มี sector ที่เติบโตสูงเช่นกลุ่มค้าปลีก, อาหาร, ขนส่ง และรวมถึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเติบโตของอุตสาหกรรมใหม่เช่น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม, ธนาคาร และสื่อสาร เป็นต้น
กองทุนหุ้นไทยที่แนะนำคือ LHSTRATEGY
ที่มา LH Fund 8 พ.ย. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน