สรุปภาวะตลาด
"หุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ปรับตัวขึ้นมา ไล่ตามเลยดีไหม..?"
แม้ว่าความกังกลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยในหมู่นักลงทุนยังอยู่ในระดับสูง แต่การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือนมิ.ย. สูงกว่าคาด และความเห็นของกรรมการ FED อย่างเจมส์ บูลลาร์ดที่คาดว่าหากเกิดเศรษฐกิจถดถอยจะไม่รุนแรง ช่วยให้ความกังวลผ่อนคลายลง
ตลาดหุ้นหลักๆ ทั้งสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวขึ้นได้ หลังความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยถูกซึมซับโดยนักลงทุนไประดับหนึ่งแล้ว โดย S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้น 4% - 5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ (คาด 0.6% และ 1.1% mom ตามลำดับ) หากใกล้เคียงหรือต่ำกว่าคาดจะทำให้ช่วยคลายกังวลเงินเฟ้อได้
- GDP Q2/2565 (คาด 4.4% yoy) และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (คาด -0.7% yoy) หากออกมาดีกว่าคาด จะบ่งบอกการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
- สัปดาห์นี้คาดตลาดหุ้นอาจอ่อนตัวลงเพื่อรอผลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันพุธที่ 13 กรกฎาคม ซึ่งหากน้อยกว่าคาดจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์
- อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ และยุโรป เช่นการจ้างงาน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ GDP growth มีแนวโน้มชะลอตัวลง จากการที่ FED ขึ้นดอกเบี้ย และลดสภาพคล่อง เพื่อชะลอเงินเฟ้อฝั่งอุปสงค์ (demand) ลง
- กำไรบริษัทจดทะเบียน Q2/2565 ที่จะทยอยประกาศมีแนวโน้มชะลอตัวลงจาก Q1/2565 ทำให้อาจมีการปรับประมาณการณ์กำไรลง
- แนะนำลงทุนในบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง หนี้สินต่ำ หรือบริษัทที่ครึ่งหลังของปีเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว กำไรมีโอกาสเติบโตต่อ และ valuation ไม่แพง กองทุนแนะนำเช่น
- LHDIVB หุ้นปันผลสูง และ/หรือ ซื้อหุ้นคืนสูง เหมาะกับการลงทุนช่วงตลาดผันผวน
- LHSTRATEGY ลงทุนหุ้นไทย low beta เหมาะกับช่วงที่ตลาดผันผวนสูง
- LHCYBER ความต้องการด้าน cybersecurity ยังคงเพิ่มขึ้นในระยะกลางยาว
- LHCHINA ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การเปิดเศรษฐกิจ
- LHPROPIA สำหรับผู้ลงทุนที่คาดหวังเงินปันผล และลงทุนระยะยาวได้
ที่มา LH Fund 10 ก.ค. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน