สรุปภาวะตลาด
"ทำอย่างไรดีเมื่อความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น"
เกิดอะไรขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
Real yield หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่แท้จริงของสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดใกล้ปรับตัวเป็นบวกแล้ว เป็นการปรับตัวขึ้นเกือบ 0.5% นับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน และปรับตัวขึ้นเกือบ 1% ตั้งแต่จุดต่ำสุดช่วงต้นเดือนมีนาคม ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/2565 กลุ่มการเงินของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มีกำไรที่ดีกว่าคาดการณ์ แต่การเติบโตนั้นปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า
ผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน
ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่ยังปรับตัวลดลงนำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปรับตัวลง 3.9% และ 2.4% ตามลำดับ โดยยังคงได้รับแรงกดดันจาก Real yield ของสหรัฐฯ ที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นได้หลังปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่น ยอดขายบ้านมือสองเดือนมีนาคม (คาด 5.8 ล้านหลัง)
นอกจากนี้ติดตามการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน (PBOC) ว่าจะลด Loan Prime Rate (LPR) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่
มุมมองและกลยุทธ์การลงทุน
- ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เรามองว่าการกระจายการลงทุน (Diversification) สามารถเข้ามาช่วยลดความผันผวนของพอร์ทการลงทุนได้ โดยมีกองทุนที่แนะนำได้แก่
- หุ้นเวียดนาม น่าสนใจลงทุนจากเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น คาดเติบโต 6-7% สูงสุดในอาเซียนในปีนี้ กำไรบริษัทจดทะเบียนคาดเติบโต 15-20% และ valuation ที่ยังถูกเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ
- หุ้นไทยมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะกลางยาว โดยในระยะสั้นหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กมีโอกาส outperform หุ้นขนาดใหญ่ต่อไป
- หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากความต้องการด้าน cybersecurity ที่เพิ่มขึ้นและกลุ่ม quality growth ยังน่าสนใจลงทุนในระยะกลางยาว หลังปรับตัวลงมาแรงจน valuation อยู่ในระดับน่าสนใจ
- REITs และ Infrastructure Fund ในเอเชียมีความน่าสนใจจาก dividend yield ในระดับสูง และราคายัง laggard
- นักลงทุนระยะสั้น รับความผันผวนได้สูง ทยอยลงทุน ส่วนนักลงทุนระยะยาวสามารถทยอย DCA
กองทุนที่น่าสนใจลงทุนเช่น LHVN, LHCYBER, LHDIGITAL, LHMSFL และ LHPROPIA
ที่มา LH Fund 18 เม.ย. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
