สรุปภาวะตลาด
"Inverted Yield Curve มาแล้ว ทำอย่างไรดี"
เกิดอะไรขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เกิด Inverted Yield Curve ขึ้นในพันธบัตรสหรัฐฯ ในหลายช่วงอายุ โดย Inverted Yield Curve เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงเศรษฐกิจถดถอยที่ค่อนข้างแม่นยำในอดีต อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไม่ได้กังวลกับเหตุการณ์ดังกล่าวมากนัก ขณะที่สถานการณ์ความชัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ยังดำเนินต่อไปแต่ตลาดให้ความสนใจประเด็นดังกล่าวลดลง ขณะที่ภาครัฐจีนกล่าวว่าจะผ่อนคลายกฎระเบียบให้สหรัฐฯ เข้าตรวจสอบงบการเงินของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้
ผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน
ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้กังวลกับการเกิด inverted yield curve รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนมากนัก หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง สอดคล้องกับที่เราแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่ม quality growth ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้หุ้นบริษัทเทคโนโลยีของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงหลังภาครัฐจีนแสดงท่าทีสนับสนุนการจดทะเบียนในต่างประเทศทำให้ความกังวลการถูก delisting จากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลง
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
ติดตามรายงานการประชุม FED เดือนมีนาคมซึ่งนักลงทุนรอดูความชัดเจนในการลดสภาพคล่องออกจากระบบ (Quantitative Tightening, “QT”)
มุมมองและกลยุทธ์การลงทุน
-หุ้นเวียดนาม มีความน่าสนใจลงทุนจากเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น โดยปี 2565 คาดเติบโต 6-7% สูงสุดในอาเซียน และได้ประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ขณะที่กำไรบริษัทคาดเติบโต 15-20% และ valuation ที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ
-หุ้นไทยยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะกลางยาว แต่ในระยะสั้นอาจเผชิญการปรับลดกำไรต่อหุ้นลงจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นหากไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังลูกค้า และเรามองว่าในระยะสั้นหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กมีโอกาส outperform หุ้นขนาดใหญ่ต่อไป
-Fund flow มีแนวโน้มกลับมาลงทุนในหุ้นกลุ่ม quality growth อีกครั้งหลังปรับตัวลงมาแรงในช่วงก่อนหน้า จน valuation อยู่ในระดับน่าสนใจอีกครั้ง
-นักลงทุนระยะสั้น รับความผันผวนได้สูง ทยอยลงทุน ส่วนนักลงทุนระยะยาวสามารถทยอย DCA ได้
-กองทุนที่น่าสนใจลงทุนเช่น LHVN, LHDIGITAL, LHMSFL และ LHPROPIA เป็นต้น
ที่มา LH Fund 5 เม.ย. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน