Tips & Tricks
"ชนิดของ Class กองทุนรวมนั้นมีทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่"
Class-A หรือ (ชนิดสะสมมูลค่า)
เข้าใจง่ายๆ ก็คือ A ย่อมาจาก Accumulate เป็นกองทุนที่สะสมมูลค่า กองทุนชนิดนี้มีนโยบายคือจะนำผลกำไรจากการดำเนินงานไปลงทุนให้ต่อเนื่อง ทำให้ในระยะยาวถ้ากองทุนชนิดนี้มีผลการดำเนินงานที่เติบโต จะมีโอกาสที่มูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มสูงขึ้นมาก
ผลตอบแทนเป็นส่วนต่างราคา (Capital gain) แบบสะสมมูลค่าทบต้น
Class-A หรือ (ชนิดสะสมมูลค่า)
เข้าใจง่ายๆ ก็คือ A ย่อมาจาก Accumulate เป็นกองทุนที่สะสมมูลค่า กองทุนชนิดนี้มีนโยบายคือจะนำผลกำไรจากการดำเนินงานไปลงทุนให้ต่อเนื่อง ทำให้ในระยะยาวถ้ากองทุนชนิดนี้มีผลการดำเนินงานที่เติบโต จะมีโอกาสที่มูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มสูงขึ้นมาก
ผลตอบแทนเป็นส่วนต่างราคา (Capital gain) แบบสะสมมูลค่าทบต้น
Class-D หรือ (ชนิดจ่ายเงินปันผล)
ระหว่างที่ถือครองหน่วยลงทุน หากผลการดำเนินงานดี ก็จะมีการจ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนที่ถือครอง
โดยเงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
ข้อดีของ Class-D คือ มีการจ่ายเงินปันผล
Class-E หรือ (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์)
กองทุนชนิดนี้สามารถซื้อได้ผ่าน LH Fund Online เท่านั้น โดยกองทุน Class-E จะมีนโยบายแบบสะสมมูลค่าเช่นกันแต่พิเศษตรงที่
ปัจจุบัน ยกเว้นค่าธรรมเนียมการซื้อ-ขาย
ข้อดีของ Class-E คือปัจจุบัน ยกเว้นค่าธรรมเนียมการซื้อ-ขาย
Class-R หรือ (ชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ)
เป็นกองทุนที่มีการขายหน่วยลงทุนให้อัตโนมัติ ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนได้รับเงินคืนเป็นงวด ๆ แต่จำนวนหน่วยลงทุนก็จะลดลง เหมือนกับการขายหน่วยลงทุนออกไป
ข้อดีของ Class-R คือ มีการขายหน่วยลงทุนให้เองอัตโนมัติ ผู้ลงทุนจึงมีโอกาสได้รับเงินคืนเป็นงวดๆ
กองทุนลดหย่อนภาษี (ทั้งกองทุนเพื่อการออม SSF และ กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF)
ที่นักลงทุนสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีในปีที่ลงทุนได้ กรณีที่ทำตามเงื่อนไขการลงทุน
ข้อดีของ SSF-RMF คือ เป็นการลงทุนและออมเงินเพื่อไว้ใช้ในระยะยาวหรือใช้ในตอนเกษียณและใช้ลดหย่อนภาษีได้
ที่นี้เพื่อนๆ พี่ๆ นักลงทุนก็ได้รู้แล้วว่าถ้าเราอยากลงทุนในกองทุนรวม Class ไหนที่เหมาะกับตัวเราแต่อย่าลืมดูเรื่องความเสี่ยงของกองทุนที่เรารับได้ด้วยนะ แอดขอให้ทุกคนลงทุนอย่างมีความสุขและมีโอกาสรับผลตอบแทนที่คาดหวังทุกๆ คนนะ