LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

กองทุนแนะนำ



FOMC ลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ตามตลาดคาดการณ์เป็น 4.75% - 5.0% ครั้งแรกในรอบ 4 ปี
 
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินสหรัฐฯ หรือ FOMC มีมติ 10-11 เสียง ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%
เป็น 4.75%-5.0% เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก หลังคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษที่ 5.5% นานเกินกว่าหนึ่งปี ทั้งนี้ Dot Plot แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ Fed คาดว่า จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1% ภายในสิ้นปี 2024 และจะลดอีก 4 ครั้งในปี 2025 ลงอีก 1.0% เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ระบุในเดือนมิถุนายน ว่าจะลดที่ 6 ครั้งในปีหน้า รวม 1.5% รวมถึงได้คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสำหรับปี 2025 ลดลงเหลือ 3.4% จาก 4.1%
 
  • สำหรับคาดการณ์เศรษฐกิจ Fed ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงมาเป็น 2.0% จากเดิม 2.1% และปรับคาดการณ์อัตราการว่างงานในปีนี้ขึ้นเป็น 4.4% จากเดิม 4.0% ส่วนคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) ปีนี้ลดลงจาก 2.8% มาเป็น 2.6%
 
  • ถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ระบุว่า Fed ต้องการบรรลุ ‘เป้าหมายทางเงิน 2 ประการ (Dual Mandate)’ ทั้งทางด้านเงินเฟ้อ และอัตราการจ้างงงาน โดยระบุว่า การดำเนินการเชิงรุกนี้ มีวัตถุประสงค์ที่จะไม่ให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินที่สูง ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับเงินเฟ้อนั้น ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อีกทั้ง ยังต้องการให้ตลาดแรงงานฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งต่อไป นอกจากนี้ ประธาน Fed ยังย้ำในช่วงตอบคำถามว่า "Fed ไม่ได้อยู่หลังแนวโน้ม" (Not Behind The Curve) และการตัดสินใจจะเป็นแบบ "การประชุมต่อการประชุม" (Meeting by Meeting) โดย Dot Plot ไม่ได้เป็นแผนการล่วงหน้า อีกทั้ง ยังเน้นว่า การลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% ไม่ใช่บรรทัดฐาน แต่เป็นการลดดอกเบี้ยเพื่อทำให้มั่นใจว่าจะเกิด Soft Landing เขาย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง แม้ว่าตลาดแรงงานจะชะลอตัวลงแต่ก็ยังคงแข็งแกร่ง
     
การตอบสนอง และมุมมองของตลาด
  • ภาพการลดดอกเบี้ยถึง 0.50% ดังกล่าว จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดในช่วงที่ผ่านมา และส่งผลดีต่อตลาดแรงงานที่ก่อนหน้านี้ยังคงต้องการแรงกระตุ้นจาก Fed ทั้งนี้ แม้ Fed จะย้ำว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง แต่การปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการว่างงาน และการกล่าวถึงความอ่อนแอในตลาดแรงงาน ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
 
  • โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวบวกแรงหลัง Fed ประกาศลดดอกเบี้ย แต่ปรับตัวลงระหว่างที่ พาวเวลล์ แถลง โดยดัชนี Dow Jones ปิดลดลง 0.25% ที่ระดับ 41,503.10 จุด ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ก็ปิดในแดนลบเช่นกัน สะท้อนว่า นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจ และทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต
 
  • โดยการเลือกใช้นโยบายที่เข้มข้นในการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของรอบการผ่อนคลายนโยบายการเงิน สะท้อนมุมมองตลาดเริ่มกลัว Hard Landing ในขณะที่เรามองว่า Fed คงจะสามารถทำ Soft Landing ได้สำเร็จ
แนวโน้มการลงทุนและกลยุทธ์การลงทุน 
ตลาดหุ้นทั่วโลก มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนประเมินผลกระทบของการลดดอกเบี้ย และความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการเติบโตสูง สำหรับกลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจ มีดังนี้
  • กลยุทธ์การลงทุนที่มีลักษณะ Balanced Portfolio กล่าวคือ ลงทุนทั้งในกลุ่มกองทุนที่ Defensive และ Growth: หุ้นกลุ่ม Healthcare, Consumer Staples, และหุ้นเทคโนโลยีที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีแนวโน้มที่จะรักษามูลค่าและเติบโตได้ดีในสภาวะตลาดที่ผันผวน โดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลาง
  • กลยุทธ์กระจายการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก: เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนจากตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะตลาดที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
  • ระมัดระวังในการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ: หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและพลังงานอาจได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
  • ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจและนโยบายการเงินอย่างใกล้ชิด: เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
  • พิจารณาลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูง: เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลกจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการกระจายความเสี่ยงและรับผลตอบแทนที่มั่นคง ส่วนตราสารหนี้ประเภท High yield จะได้รับประโยชน์จากการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่มีลักษณะเป็น Trend ที่ต่อเนื่อง
กองทุนแนะนำ 
  • LHGEQ: กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลก สามารถรับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ Fed หุ้นที่อยู่ในกลุ่มนี้จะมีการเติบโตของกระแสเงินสดที่ดี
  • LHHEALTH: กองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มสุขภาพทั่วโลก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการต่อเนื่องและมีความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น รวมถึงลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่และขนาดกลาง
  • LHDIVB: กองทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงทั่วโลก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
     
Source: CNBC, Morningstar

ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

 

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ