LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด





ภาวะตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวผันผวน ขณะที่ผลประกอบการ Q2/2564 ของบริษัทส่วนใหญ่ดีกว่าคาดการณ์แต่ราคาหุ้นไม่ได้ตอบรับเนื่องจากผู้บริหารให้มุมมองถึงถึงยอดขายที่จะชะลอตัวลงในครึ่งปีหลังทั้งจากฐานที่สูง และจากการที่เศรษฐกิจของ US ได้กลับมา Re-opening ผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และใช้บริการ Online Services ลดลง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงมีท่าทีดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไปโดยตัวเลขการจ้างงานยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการพิจารณา ด้านตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์หลังทางการจีนประกาศให้ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และออกมาตรการเพื่อป้องกันการผูกขาดทางการค้า เพื่อให้ตลาดมีสภาวะที่เอื้อต่อการแข่งขัน และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวจีน สอดคล้องกับแผนพัฒนาชาติจีนในระยะยาว

มุมมองการลงทุน

ตลาดหุ้น คาดตลาดหุ้นต่างประเทศจะเคลื่อนไหวตามมุมมองผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีของผู้บริหาร ซึ่งหากมีแนวโน้มชะลอลงจะส่งผลให้ราคาหุ้นตอบรับเชิงลบได้ อย่างไรก็ดีการที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแย่กว่าคาดทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังไม่เร่งทำ QE Tapering จะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นยังคงซื้อขายใน Valuation ระดับสูงต่อไป 

ส่วนตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลง จากแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดโรค COVID-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหากต้องขยายเวลาหรือพื้นที่ lockdown รวมถึงหากการระบาดแพร่กระจายไปในภาคการผลิต จะส่งผลเชิงลบต่อรายได้และกำไรบริษัทจดทะเบียน จนอาจต้องปรับลดกำไรต่อหุ้นในปีนี้ลงอีก คาดกรอบการเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าที่ 1,500 – 1,550 จุด 

REIT คาด REIT ในกลุ่มประเทศที่การกระจายวัคซีนทำได้เร็วและมีสัดส่วนของ REIT ยุคใหม่ในสัดส่วนสูงจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีหากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดันต่อราคา REIT กลุ่มนี้ได้ ส่วนผลการดำเนินงานของ REIT ในกลุ่มประเทศที่การกระจายวัคซีนทำได้ช้าเช่นไทย จะยังได้รับแรงกดดันจากมาตรการป้องกันการระบาดโรคโควิด-19 ต่อไป สะท้อนได้จากราคาที่ laggard กับ REIT โลกค่อนข้างมาก แม้ downside risk ค่อนข้างจำกัด 


กลยุทธ์การลงทุน
ตลาดยังคงขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ ประกอบกับ valuation ของหลายตลาดยังอยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนจากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ จึงแนะนำกองทุนที่ลงทุนกองทุนที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ยังมีความต้องการสินค้าสูงต่อเนื่อง หรือบริษัทที่อัตราการเติบโตดี แต่ valuation ยัง laggard เมื่อเทียบกับตลาดโดยรวม โดยกองทุนที่น่าสนใจได้แก่

LHSEMICON จากความต้องการ semiconductor ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง หนุนโดยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค 5G ยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์ไร้คนขับ โดยมี EPS growth สูงกว่า 20% yoy ในปีหน้า 
LHMEGA จากการที่กองทุนมีการลงทุนในหุ้นของบริษัทกลุ่ม Health care ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดี และ valuation ยัง laggard ตลาดหุ้นโดยรวมค่อนข้างมาก และมีน้ำหนักการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสัดส่วนน้อย
LHROBOT ซึ่งจะได้ประโยชน์หากการระบาดของโรค COVID-19 สายพันธุ์เดลต้ายังเพิ่มต่อเนื่อง จะทำให้ความต้องการใช้หุ่นยนต์ในกระบวนการผลิต และธุรกิจต่างๆ น่าจะเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทที่กองทุนลงทุน 
LH SMARTDSSF สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้นไทย และ PF&REIT ไทย ในช่วงที่ตลาดปรับตัวลง และสามารถใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้ในคราวเดียวกัน



Key Event ในสัปดาห์นี้

ต่างประเทศ
-PMI ภาคการผลิตของจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ซึ่งจะบ่งบอกถึงแนวโน้มการขยายตัวของเศรฐษกิจในระยะถัดไป
-ตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ เช่น Non-farm Payroll, Weekly Initial Jobless Claim และ Unemployment rate ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจทำ QE Tapering ของธนาคารกลางสหรัฐฯ

ภายในในประเทศ
-การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินไทย คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ต่อปีเช่นเดิม
-ผลประกอบการQ2/2564 ของบริษัทในกลุ่ม real sector 

ที่มา LHFund 30 ก.ค. 64













 

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ