LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด





ภาวะตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงแรงในช่วงกลางสัปดาห์เนื่องจากตลาดกังวลว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจะหยุดชะงักลงหลังจำนวนผู้ป่วยรายใหม่โรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ valuation ที่ตึงตัว และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว อย่างไรก็ดีการที่จำนวนยอดผู้เสียชีวิตไม่เพิ่มขึ้นมากจนต้องทำการ lock down เป็นวงกว้าง ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 ของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ดีกว่าคาดการณ์  และการที่ธนาคารกลางยุโรปเปิดเผยการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายกว่าคาด ช่วยหนุนให้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดสัปดาห์ที่ระดับ All Time High ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากความกังวลของนักลงทุนที่คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มชะลอลงในครึ่งปีหลังมีการใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นเพื่ อจำกัดการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 

มุมมองการลงทุน


ตลาดหุ้น คาดว่าตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบในสัปดาห์นี้ โดยปัจจัยหนุนตลาดได้แก่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/2564 ที่มีโอกาสออกมาดีกว่าคาดการณ์ แต่รับรู้ไปในราคาหุ้นแล้ว สังเกตได้จาก valuation ของตลาดหุ้นหลายแห่งอยู่ในระดับตึงตัว ส่วนปัจจัยกดดันตลาดได้แก่ความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในครึ่งหลังของปีที่มีแนวโน้มชะลอลง 

REIT คาด REIT ในกลุ่มประเทศที่การกระจายวัคซีนทำได้เร็วและมีสัดส่วนของ REIT ยุคใหม่ในสัดส่วนสูงจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีหากมีปัจจัยที่หนุนการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยกดดันต่อราคา REIT ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้ ขณะที่คาดผลการดำเนินงานของ REIT ในกลุ่มประเทศที่การกระจายวัคซีนทำได้ช้าเช่นไทย จะยังได้รับแรงกดดันจากมาตรการป้องกันการระบาดโรคโควิด-19 ต่อไป สะท้อนได้จากราคาที่ laggard กับ REIT โลกค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี downside risk จากนี้ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงถูกรับรู้ไปในราคาค่อนข้างมากแล้ว

กลยุทธ์การลงทุน
เนื่องจากมองว่าตลาดยังขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ ประกอบกับความไม่แน่นอนดังที่กล่าวไปข้างต้น และ valuation ของหลายตลาดยังอยู่ในระดับสูง จึงแนะนำกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่คาดมีผลประกอบการดี หรือมี downside risk ที่จำกัด ได้แก่

LH Semiconductor จากความต้องการ semiconductor ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องหนุนโดยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค 5G ยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์ไร้คนขับ โดยมี EPS growth สูงกว่า 20% yoy ในปีหน้า
LH Digital โดยคาดว่าผลประกอบการหุ้นที่เกี่ยวกับ Digital Economy จะยังเติบโตต่อเนื่อง
LH TPROP จากอัตราเงินปันผลในปีหน้าที่น่าสนใจที่ระดับ 5.5% - 6% และราคาในปัจจุบันที่ laggard ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับ REIT โลก
LH Growth สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี คาดกำไรที่เติบโตได้ในระยะยาว โดยมอง SET Index ระดับ 1,530 – 1,550 จุด เป็นระดับที่สามารถทยอยลงทุนได้สำหรับผู้ที่สามารถลงทุนได้ระยะกลางถึงยาว


Key Event ในสัปดาห์นี้

ต่างประเทศ
1. การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ประจำเดือนก.ค. โดยคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0%-0.25% ทั้งนี้ปัจจัยที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือติดตามว่าจะมีการส่งสัญญาณการทำ QE Tapering หรือไม่
2. รายงาน PMI ภาคการผลิตของจีน (คาด 51) ซึ่งหากออกมาต่ำกว่าคาดอาจทำให้ธนาคารกลางจีนพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ภายในประเทศ

ติดตามสถานการณ์การระบาดของไวรัสกลายพันธุ์และมาตรการควบคุมที่ศบค. อาจพิจารณานำออกมาใข้เพิ่มเติม รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ของบริษัทในกลุ่ม real sector

ที่มา LHFund 23 ก.ค. 64 






 

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ