สรุปภาวะตลาด
สรุปภาวะตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
• ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง อันผลจากความกังวลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้า อีกทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับลงแรงเช่นกัน ขณะที่ราคาน้ำมัน Brent ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ระดับ $70-80
• ตัวเลขผู้ติดเชื้อปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ปัจจัยดังกล่าวยังคงกดดัน SET Index ต่อเนื่อง
• ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย. ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี 8 เดือนโดย ม.หอการค้าไทย ระบุเป็นผลจากความกังวลการแพร่ระบาดในประเทศระลอก 3 การฉีดวัคซีนล่าช้า สถานการณ์การเมืองที่มีเสถียรภาพน้อยลงทั้งนี้ ต้องติดตามการแพร่ระบาดในระลอก 4 รวมถึงการประกาศ Lockdown ซึ่งจะมีผลต่อ GDP ปีนี้
ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
• ติดตามตัวเลข US Core CPI หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ 13 ก.ค. ซึ่งหากทิศทางของเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้หุ้นกลุ่ม Growth ได้รับผลกระทบจาก Valuation ที่ตึงตัวได้
• ติดตามตัวเลข US Crude Inventories หรือ ปริมาณน้ำมันดิบคงเหลือของสหรัฐฯ ในวันพุธที่ 14 ก.ค. ว่าจะลดลงต่อจากนี้อีกหรือไม่ หากปรับตัวลดลงต่อ จะส่งผลดีต่อราคาน้ำมัน
• ติดตามตัวเลข GDP จีนในไตรมาส 2 ปี 2564 และ Industrial production เดือน มิ.ย. ในวันพฤหัสบดีที่ 15 ก.ค. ว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงหรือไม่ ซึ่งหากชะลอตัวลง จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลงตาม
ความเห็นผู้จัดการกองทุน
สถานการณ์ในปัจจุบันยังคงมีความเสี่ยงสูง จากภาพของเศรษฐกิจโลก อีกทั้ง Valuation ในช่วงเวลาก่อนหน้าที่ค่อนข้างสูง และความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ในไทย ทำให้ SET Index ยังคงมี Downside ต่อจากนี้ อย่างไรก็ตามเรามองว่าภาพรวมการลงทุนนั้น ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน ไตรมาส 2 ปี 2564 ดังนั้นการปรับตัวลงในรอบนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าสะสม
กองทุนที่แนะนำได้แก่กองทุน LHGROWTH LHSELECT และ LHMSFL เนื่องจากยังคงมองว่าหุ้น Growth ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และ หุ้น Mid-small จะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาด โดยมองแนวรับที่ 1490 – 1510 และแนวต้านที่ 1600-1620
ที่มา LHFund วันที่ 9 ก.ค. 64
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ความเห็นผู้จัดการกองทุน
สถานการณ์ในปัจจุบันยังคงมีความเสี่ยงสูง จากภาพของเศรษฐกิจโลก อีกทั้ง Valuation ในช่วงเวลาก่อนหน้าที่ค่อนข้างสูง และความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ในไทย ทำให้ SET Index ยังคงมี Downside ต่อจากนี้ อย่างไรก็ตามเรามองว่าภาพรวมการลงทุนนั้น ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน ไตรมาส 2 ปี 2564 ดังนั้นการปรับตัวลงในรอบนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าสะสม
กองทุนที่แนะนำได้แก่กองทุน LHGROWTH LHSELECT และ LHMSFL เนื่องจากยังคงมองว่าหุ้น Growth ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และ หุ้น Mid-small จะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาด โดยมองแนวรับที่ 1490 – 1510 และแนวต้านที่ 1600-1620
ที่มา LHFund วันที่ 9 ก.ค. 64
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน