LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด





สรุปภาวะตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
 
ครม. อนุมัติมาตรการลดภาระค่าครองชีพของครัวเรือนและการกระตุ้นการบริโภค วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท ผ่านโครงการเยียวยาผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการเยียวยากลุ่มผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
เงินเฟ้อของไทยเดือนพฤษภาคม +2.44% ซึ่งนับว่าเป็นการขยายตัวเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แต่ยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดจึงทำให้ยังคงมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะยังคงไม่ปรับเพิ่มขึ้นได้ในปี 2564 นี้
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ค. ขยายตัวดีต่อเนื่องในทุกประเทศหลักนำโดยสหรัฐฯ และยุโรป ส่วนประเทศแถบเอเชียส่วนใหญ่ชะลอตัวลงหลังการระบาด COVID ระลอกใหม่ ทั้งนี้ ปัญหาขาดแคลนอุปทาน และการขนส่งได้ส่งผลกดดันผลผลิตและหนุนให้ดัชนีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง
กลุ่ม OPEC+ มีมติคงแผนการเพิ่มการผลิตที่ระดับ +8.4 แสนบาร์เรลต่อวันสำหรับเดือน ก.ค. นี้ ในขณะที่ยังคงมุมมองการเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้ไว้ที่ระดับเดิม ที่คาดว่าจะยังคงทำให้ระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกจะยังคงอยู่ในระดับนี้ได้ต่อไป
ดัชนีภาคการผลิต (ISM) ของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. ออกมาเพิ่มขึ้นเป็น 61.2 จุด จากเดือนก่อนที่ 60.7 จุด อยู่ในเกณฑ์ขยายตัว (เกิน 50 จุด) มาตั้งแต่เดือน ก.ค. 2020 ท่ามกลางความคืบหน้าของการฉีดวัคซีน ซึ่งทำให้รัฐคลายมาตรการ Lockdown ได้ต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการแจกเงินให้เปล่าเป็นจำนวนมาก ทำให้กำลังซื้อฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 2
ธนาคารกลางจีน หรือ PBoC ปรับขึ้น RRR สำหรับเงินฝากในรูปสกุลเงินต่างประเทศ 2ppt เป็น 7% มีผลวันที่ 15 มิ.ย. เพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินหยวน
เงินเฟ้อ Core PCE ของสหรัฐฯ เร่งตัวขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดในเดือน เม.ย. ขณะที่การใช้จ่ายส่วนบุคคลชะลอลงและรายได้ส่วนบุคคลพลิกกลับมาหดตัวหลังขยายตัวสูงในเดือนก่อนหน้าที่มีการแจกเช็คเงินสดรอบ 3
ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือน พ.ค. ของยูโรโซนเพิ่มขึ้นดีกว่าคาดสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี หลังสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย และมาตรการ Lockdown ถูกผ่อนปรน

ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
 
การประชุมของธนาคารกลางของยูโร หรือ ECB ที่ตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ -0.5 และยังคงวงเงินการทำ QE. ผ่านมาตรการ PEPP ที่ EUR1.85 ล้านล้าน ที่มีกำหนดจะซื้อจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2022
ตารางหรือกำหนดการของวัคซีนที่จะกระจายที่ตาม Timeline ที่ภาครัฐให้ไว้ช่วงก่อนหน้านี้ที่จะเริ่มทยอยฉีดได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ว่าจะสามารถบริหารจัดการได้ตามกำหนดการดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นไปตามกำหนดการดังกล่าวก็จะเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและค่าปลีก ที่คาดว่าภาครัฐจะเริ่มทยอยคลายลอคดาวน์ได้ในเดือนกรกฏาคม – สิงหาคมนี้ และอาจจะเปิดประเทศได้ในช่วงต้นปี 2022
โครงการที่จะทยอยเปิดจังหวัดท่องเที่ยวโดยจะเริ่มที่ภูเก็ต โดยถ้าได้รับอนุมัติจาก ศบค.หรือคณะรัฐมนตรี ให้ทยอยเปิดได้ก็จะเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเป็นหลัก
ดัชนี PMI ของประเทศเศรษฐกิจสำคัญที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจถ้าตัวเลขออกมาดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐรวมถึงแนวโน้มของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดกลับมากังวลหรือมีการขายทำกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐได้รวมถึงจะส่งผลให้ Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกได้เช่นกัน
ปัจจัยด้านการเมืองระหว่างประเทศสหรัฐและจีนที่เริ่มมีมาตรการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยล่าสุดรัฐบาลสหรัฐได้เพิ่มรายชื่อบริษัทในบัญชี Blacklist โดยให้เหตุผลด้านการป้องกันการขโมยเทคโนโลยีรวมถึงความมั่นคงของสหรัฐ และยังคงเดินหน้าที่จะถอดถอนบริษัทจีนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะเพิ่มความตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างประเทศและอาจจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นได้

ความเห็นผู้จัดการกองทุน



จากที่เห็นว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ในระดับที่ดีได้ต่อเนื่อง ประกอบกับตลาดเริ่มคลายความกังวลด้านการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ จึงยังคงเห็นว่าหุ้นกลุ่ม Value และ Cyclical น่าจะยังคงเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่จะได้ประโยชน์จากกปัจจัยดังกล่าว ประกอบกับในไทยเองยังคงมีหุ้นที่อาจจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวดังกล่าวนอกเหนือจากหุ้นกลุ่ม Value และ Cyclical อีกทั้งจากแนวโน้มของการฉีดวัคซีนที่จะสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่มิถุนายนนี้เป็นต้นไปซึ่งคาดว่าจะทำให้หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวจะได้รับ Sentiment ที่ดีและจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ จึงยังคงเห็นว่า LHGROWTH และ LHSELECT รวมถึงกองทุนประเภทลดหย่อนภาษีได้แก่ LHSMARTDSSF ยังคงเหมาะสมกับการลงทุนในช่วงนี้อยู่เนื่องจากมีการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ รวมถึงได้มีการเพิ่มหุ้นในกลุ่ม Reopening เข้าไปเพื่อให้สอดคล้องกับมุมมองที่ดีขึ้นของหุ้นกลุ่มนี้จากการเริ่มฉีดวัคซีนของไทย

โดยแนวรับของตลาดที่เหมาะกับการเข้าลงทุนนั้นคือช่วงระดับของ SET Index ที่ระดับ 1,550 – 1,540 จุด และแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,510 จุด ส่วนผู้ที่มีการลงทุนในหุ้นอยู่แล้วให้ถือต่อไปได้หรืออาจจะทยอยขายทำกำไรบางส่วนที่ระดับ 1,640 จุด


ที่มา LHFund วันที่ 4 มิ.ย. 64
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน



 

 



 


 

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ