LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด



 

Fed ลดดอกเบี้ยตามคาด 25bps: สัญญาณบวกหนุนสินทรัพย์เสี่ยง เปิดทาง Rally ช่วงปลายปี
 
ในการประชุม FOMC ล่าสุดเมื่อคืนนี้ คณะกรรมการมีมติ 9-3 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ระดับ 3.50%–3.75% ซึ่งถือเป็นการลดครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โดยการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น ‘hawkish cut’ ภายใต้ภาพรวมแนวโน้มแบบ dovish

  • Fed คงมุมมองประมาณการเศรษฐกิจตามเดือนก.ย. โดย GDP 2026 ที่ 2.3% (เดิม 1.8%) (สะท้อนยังคงมุมมองต่อ productivity) ขณะที่เงินเฟ้อถูกปรับลงเล็กน้อย (เงินเฟ้อ Core PCE ลดลงเป็น 2.5%)
  • แม้ Fed คาดว่าจะลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีหน้า จาก Dot Plot ที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ 2025 ที่ -75 bps และ 2026 ที่ -25 bps อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองว่า Fed อาจลดมากกว่านั้น โดยข้อมูลจาก CME FedWatch ระบุว่าตลาดให้น้ำหนักมากกว่า 77% ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีหน้า
  • มีหลายประเด็นในสัญญาณจาก Fed และคำแถลงของประธานเจอโรม พาวเวลล์ ที่วอลล์สตรีทมองว่าเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อหุ้น ได้แก่
   -Fed ประกาศกลับมาเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น (T-Bills) อีกครั้ง เพื่อรักษาระดับสภาพคลังสำรองของระบบการเงินให้อยู่ในเกณฑ์ ‘เพียงพอ (ample      reserves)’ ในการดำเนินการรอบนี้ Fed จะเริ่มซื้อ T-Bills วงเงินราว 40 bn USD/ต่อเดือน นาน 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. โดยการซื้อดังกล่าวมีวัตถุประสงค์        ทางเทคนิคเท่านั้น เพื่อดูแลเสถียรภาพของระบบการเงิน ไม่ใช่การผ่อนคลายนโยบายแบบ QE
   -Fed ให้ความสำคัญกับตลาดแรงงานที่อ่อนแอมากขึ้น โดยพาวเวลล์เน้นหลายครั้งว่าตลาดแรงงานอ่อนแอมาก และตัวเลขจ้างงาน ‘พื้นฐาน’ อาจเป็น          ติดลบ~20k  ตำแหน่ง/เดือน สะท้อนว่า Fed เริ่มให้น้ำหนักต่อการประคองเศรษฐกิจมากขึ้นแทนที่จะโฟกัสเฉพาะเงินเฟ้อพาวเวลล์ส่งสัญญาณ Dovish ชัดเจน แม้มีบางช่วง Hawkish การเพิ่มวลี “extent and timing” ของการปรับดอกเบี้ยในแถลงการณ์ มีนัยว่า Fed อาจหยุดลดดอกเบี้ยชั่วคราว แต่พาวเวลล์ลดทอน
สัญญาณ Hawkish ด้วยข้อความต่อไปนี้
  • ตลาดแรงงานอ่อนแอมาก
  • ตัวเลขจ้างงานพื้นฐานเป็นลบ
  • เศรษฐกิจตอนนี้ไม่ร้อนพอจะสร้างเงินเฟ้อแบบเส้นฟิลลิปส์
  • เงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย
  • ไม่มีกรรมการคนใดคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต
  • AI มีผลบวกต่อ productivity (ลดแรงกดดันเงินเฟ้อ)
การตอบสนอง และมุมมองของตลาด:
  • หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเมื่อคืน โดย Dow Jones เพิ่มขึ้น 497.46 จุด (+1.1%) ปิดที่ 48,057.75 จุด, S&P 500 บวก +0.7% ปิดที่ 6,886.68 จุด, NASDAQ เพิ่มขึ้น +0.3% ปิดที่ 23,654.16 จุด
  • ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ อัตราผลตอบแทนปรับตัวลง โดยบอนด์ยีลด์ 10 ปี ลดลง 3bps มาที่ 4.14% หลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.
แนวโน้มการลงทุนและกลยุทธ์การลงทุน : 
หากมองย้อนกลับไปช่วงปลายเดือน ต.ค. หลังจากที่ S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่ แม้ Fed จะประกาศลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด แต่ถ้อยแถลงของประธานพาวเวลล์กลับสร้างความไม่แน่นอน โดยระบุว่าการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับฐานแรงและทำให้บรรยากาศการลงทุนตึงเครียดต่อเนื่องตลอดเดือน พ.ย. จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ Fed บางรายออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนการลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ภาพตลาดจึงเริ่มฟื้นตัว ก่อนที่ผลประชุม Fed ครั้งล่าสุดจะส่งโทน Dovish ชัดเจนกว่าที่คาด ซึ่งช่วยคลายแรงกดดันและทำให้นักวิเคราะห์จำนวนมากประเมินว่า การตัดสินใจครั้งนี้อาจเปิดทางให้เกิด ‘Santa Claus rally’ ในช่วงปลายปีได้
ในเชิงกลยุทธ์ Fed ส่งสัญญาณ Dovish ชัดเจนจากการยอมรับว่าตลาดแรงงานอ่อนแอกว่าที่คาด ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ลดดอกเบี้ยได้ต่อ แม้ Dot Plot จะบ่งชี้ว่าการลดมีจำนวนจำกัด แต่ตลาดกลับให้น้ำหนักว่าปี 2026 Fed อาจต้อง ‘ลดมากกว่า’ หากเศรษฐกิจชะลอตัวลงอีก ขณะเดียวกัน แม้การซื้อ T-Bills จะเป็นเพียงมาตรการด้านเทคนิคเพื่อดูแลสภาพคล่อง แต่ผลลัพธ์คือยีลด์ระยะสั้นลดลง สภาพคล่องในระบบดีขึ้น และความเสี่ยงเชิงระบบลดลง ผสานกับโทน Dovish ของ Fed ทำให้ภาพรวมกลายเป็นแรงหนุนสำคัญต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Growth และ Tech ที่อ่อนไหวต่อทิศทางดอกเบี้ยเป็นพิเศษ


เรามีมุมมองกลยุทธ์การลงทุน ดังนี้

1.   การกระจายการลงทุนทั้งในมิติของสินทรัพย์และภูมิภาคยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญ ในการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในแนวทางหลักคือ การ ‘เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นโลก (Global Equity)’ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากปัจจัยเฉพาะประเทศและสร้างสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุนโดยรวม ขณะเดียวกัน ‘การจัดสรรบางส่วนไปยัง ตราสารหนี้คุณภาพสูงระดับโลก (Global Investment Grade Bonds)’ ช่วยเพิ่มความเสถียรให้พอร์ต และเสริมประโยชน์ด้านการกระจายความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูง

2.   เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ ‘ตลาดหุ้นสหรัฐฯ’ แต่เน้นใช้ ‘กลยุทธ์แบบ Selective’ โดยคัดเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ระยะยาว ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่ม AI Ecosystems ที่ยังคงเป็นหัวใจของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างระดับโลก อาทิ Quantum Technology, Space Economy และ Nuclear Energy

กองทุนแนะนำ :

LHGEQP: กองทุนหุ้นโลกที่กระจายการลงทุนตามดัชนีอ้างอิง MSCI ACWI ครอบคลุมทั้งประเทศพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตระยะยาวจากหุ้นทั่วโลก พร้อมกระจายความเสี่ยงด้านภูมิภาคอย่างสมดุล
 
LHGIGO:
กองทุนตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก มุ่งเน้นความมั่นคงของพอร์ต ผ่านกองทุนตราสารหนี้ที่ใช้กลยุทธ์การคัดเลือกผู้ออกตราสารรายตัว เพื่อเลือกลงทุนในเครดิตคุณภาพสูง เหมาะสำหรับการรับมือกับภาวะตลาดที่ผันผวนและลดความไม่แน่นอนจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก
 
LHQTUM: กองทุนธีมควอนตัมเทคโนโลยี ลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานของ Quantum Technology และ AI พร้อมคัดเลือกบริษัทที่สะท้อนธีมควอนตัมอย่างแท้จริง เพื่อคว้าโอกาสจากเมกะเทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก
 
LHNUKZ:
กองทุนธีมพลังงานนิวเคลียร์ ลงทุนในธุรกิจที่อยู่ตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ (Nuclear Value Chain) โดยเน้นบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากกระแส ‘Nuclear Renaissance’ และความต้องการพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
 
LHSEMICON: กองทุนธีมเซมิคอนดักเตอร์ มุ่งลงทุนในบริษัทชั้นนำทั่วโลกที่อยู่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ได้ประโยชน์โดยตรงจากกระแส AI boom ในซัพพลายเออร์ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญต่อการเติบโตของ AI
 
ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และรักษาวินัยในการบริหารความเสี่ยงโดยใช้แนวทางล็อคกำไร (Profit Locking) และป้องกันความเสี่ยง (Stop Loss) อย่างเคร่งครัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตการลงทุน

Source: CNBC, Bloomberg
LHFund 11 ธ.ค. 2025


คำเตือน
- ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- เนื่องจากกองทุน ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- ผลการดำเนินงานในอดีต ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

 

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ