LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด



 

 
สงครามภาษีปะทุอีกระลอก…วิเคราะห์แรงสะเทือนต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ และกลยุทธ์การลงทุน 

  • ณ เวลาตี 3 ประเทศไทย เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 10 ต.ค.:  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ผ่าน truth social กล่าวหาว่าจีน “มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์” และกำลัง “จับโลกเป็นตัวประกัน” ด้วยการผูกขาดตลาดแร่ Rare Earths “หนึ่งในนโยบายที่เรากำลังพิจารณา คือ การขึ้นภาษีครั้งใหญ่ต่อสินค้าจีนที่เข้าสู่สหรัฐฯ“
  • ทรัมป์ได้โพสต์เพิ่มเติมหลังปิดตลาดในวันศุกร์ ว่า เขาจะเรียกเก็บ “ภาษี 100%” ต่อสินค้าจีน “เพิ่มเติมจากภาษีที่จีนกำลังจ่ายอยู่ในปัจจุบัน” ทรัมป์ยังระบุว่า สหรัฐฯ จะใช้ มาตรการควบคุมการส่งออกต่อ “ซอฟต์แวร์ที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ทั้งหมด” (Any and all critical software) แต่คำจำกัดความดังกล่าวยังคงคลุมเครือ
  • เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 12:  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับลำ โดยโพสต์ผ่าน Truth Social ซึ่งลดความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน โดยทรัมป์ระบุว่า “อย่ากังวลเรื่องจีน ทุกอย่างจะไปได้ด้วยดี
  • ขณะที่จีน ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ว่า “เราไม่เกรงกลัวสงครามการค้า” ภายหลังประธานาธิบดี ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีดังกล่าว และเรียกร้องให้สหรัฐฯ กลับมาเจรจา
การตอบสนองของตลาด
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา:
  • S&P 500 พุ่งขึ้นมากกว่า +1% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ 27 พ.ค. และสามารถฟื้นกลับมากกว่าครึ่งจากการร่วงหนักเมื่อวันศุกร์
  • Dow Jones เมื่อคืนวันจันทร์ปรับขึ้นแรงที่สุดตั้งแต่ 11 ก.ย. สิ้นสุดภาวะขาลง 5 วันติด และฟื้นตัวได้ถึงสองในสามของการร่วงเมื่อวันศุกร์
  • แรงซื้อกลับเข้าตลาดเกิดขึ้นหลังจากโพสต์ Truth Social ของประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ ซึ่งลดความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน คำกล่าวนี้ช่วยหนุนแรงซื้อในหุ้นเทคโนโลยี เช่น Oracle, AMD และ Nvidia ส่งผลให้ Nasdaq เพิ่มขึ้นกว่า +2%
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ร่วงลงอย่างแรงกว่า -9 bps ที่ 4.057% ในคืนวันศุกร์ นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง และหันมาถือพันธบัตรเพื่อความปลอดภัย (ตลาด bond ปิดทำการในวันจันทร์)
  • ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงในวันจันทร์ นักลงทุนจับตาความตึงเครียดทางการค้าที่กลับมาระอุอีกครั้ง
    Hang Seng ฮ่องกงร่วง -2.04% CSI 300 ของจีนแผ่นดินใหญ่ ปิดลบ-0.5%

แนวโน้มและกลยุทธ์การลงทุน

ความขัดแย้งรอบนี้ เริ่มจากจีนใช้มาตรการควบคุมการส่งออก Rare Earth (แร่สำคัญในการผลิตเทคโนโลยี เช่น ชิป, AI, อาวุธ) สหรัฐฯ จึงตอบโต้กลับโดยทรัมป์ประกาศผ่านโซเชียลดังกล่าว
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุการณ์นี้ปะทุขึ้นก่อน การพบปะระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และ สี จิ้นผิงในการประชุม APEC ที่เกาหลีใต้ปลายเดือนนี้ ถือเป็นการพบกันครั้งแรกในรอบ 6 ปี จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าเป็น “เกมการเมือง” เพื่อกดดันก่อนเจรจา โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ กำหนดเริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีในวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งอยู่หลังการเจรจาเพียงไม่กี่วัน และแม้ว่าล่าสุดทรัมป์จะประกาศยกเลิกการประชุมกับสี แต่จากประวัติที่ผ่านมาทรัมป์มักใช้วาจาข่มขู่รุนแรงในช่วงแรก ก่อนจะปรับท่าทีในภายหลัง จึงอาจจะเป็นกลยุทธ์เจรจามากกว่าการแตกหักจริง

นักลงทุนบางส่วนมองว่าอาจเป็น “กลยุทธ์ต่อรอง” เหมือนครั้งก่อนในเดือนเม.ย. ที่เมื่อ Trump ขู่ขึ้นภาษีแล้วจึงผ่อนคลาย ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดยังคงไม่เสียโครงสร้าง โดยการร่วงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พาตลาดกลับไปจุดต่ำสุดรอบ 1 เดือน แต่ S&P 500 ยัง +11% YTD จากแรงหนุน AI Trade ขณะที่ Wedbush มองว่า นักลงทุนบางส่วนตื่นตระหนก กลัวสงครามการค้ากลับมา แต่เชื่อว่าความตึงเครียดรอบนี้ไม่น่าจะบานปลายเหมือนครั้งก่อนในเดือนเม.ย. และยังมีมุมมอง “Bullish” ต่อหุ้นเทคในระยะยาว โดยเฉพาะหุ้นที่ถูกมองว่า “อยู่ใจกลาง AI Industrial Revolution” โดยยังคงมีมุมมอง positive ต่อหุ้นผู้ชนะในเทคโนโลยี AI ตามรายงานของ Bloomberg

กลยุทธ์ที่เหมาะสมในช่วงนี้

แนวโน้มตลาดสหรัฐฯ และจีนยังคงอยู่ในภาวะเปราะบางสูง ท่ามกลางบรรยากาศที่ถูกขับเคลื่อนด้วยข่าว
และความไม่แน่นอน นักลงทุนยังคงตอบสนองต่อกระแสข่าวอย่างรุนแรง ทำให้ความผันผวนในตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากความตึงเครียดจากสงครามการค้าแล้ว ยังมีแรงกดดันจาก Government Shutdown ในสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ใหม่ โดยวันที่ 15 ต.ค. จะเป็นรอบจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งอาจกลายเป็นครั้งแรกที่พนักงานรัฐจำนวนมากอาจไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งปัจจัยนี้อาจสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อตลาดการเงิน

           ดังนั้น เรายังคงมุมมองการกระจายการลงทุนทั้งตามสินทรัพย์และภูมิภาค เป็นยุทธศาสตร์หลักในภาวะตลาดเปราะบางเช่นนี้ โดยการเพิ่มน้ำหนัก ‘หุ้นโลก (Global Equity)’ เพื่อเปิดรับโอกาสการเติบโตจากเศรษฐกิจและนวัตกรรมระดับโลกและจัดสรรบางส่วนไปยัง ‘ตราสารหนี้โลก (Global IG Bonds)’ เพื่อลดความผันผวนในพอร์ตระยะยาว

           สำหรับหุ้นสหรัฐฯ เรายังคงมุมมองเชิงบวก แต่เน้น ‘Selective Strategy’ เจาะลงทุนในธีมที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ระยะยาว โดยเฉพาะ AI Ecosystems, Quantum Technology, Space Economy และ Nuclear Energy ซึ่งธีมเหล่านี้ได้รับการตอกย้ำจาก JPMorgan ที่ประกาศเตรียมลงทุนสูงสุด 10,000 ล้านดอลลาร์ ใน 4 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ ได้แก่ Advanced Manufacturing, Defense & Aerospace, Energy Technology และ Frontier & Strategic Technologies (รวม Quantum Computing) ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาว 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ใน 10 ปี เพื่อเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของสหรัฐฯ  สะท้อนชัดว่าเมกะเทรนด์เหล่านี้ไม่ใช่กระแสระยะสั้นแต่คือยุทธศาสตร์ระดับชาติ


กองทุนแนะนำ

LHGEQP: กองทุนหุ้นโลกที่กระจายการลงทุนตามดัชนีอ้างอิง MSCI ACWI
LHGIGO: กองทุนตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก
LHSPACE: กองทุนธีมเศรษฐกิจอวกาศ
LHQTUM: กองทุนธีมควอนตัม
LHNUKZ: กองทุนธีมพลังงานนิวเคลียร์

ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และรักษาวินัยในการบริหารความเสี่ยงโดยใช้แนวทางล็อคกำไร (Profit Locking) และป้องกันความเสี่ยง (Stop Loss) อย่างเคร่งครัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตการลงทุน


Source: Bloomberg, CNBC, Investingcom
LHFund 14 ต.ค 2025

คำเตือน
- ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- เนื่องจากกองทุน ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- ผลการดำเนินงานในอดีต ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

 

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ