สรุปภาวะตลาด

Fed ลดดอกเบี้ย 25bps ตามคาด ชั่งน้ำหนักเงินเฟ้อ-ตลาดแรงงาน แนะกระจายพอร์ตและ Selective Investment ในหุ้น AI สหรัฐฯ
ในการประชุม FOMC ล่าสุดเมื่อคืนนี้ คณะกรรมการมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ระดับ 4.00%–4.25% หลังจากคงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีก่อน โดยผลการลงคะแนนอยู่ที่ 11 ต่อ 1 เสียง ทั้งนี้ นาย Stephen Miran ผู้ว่าการที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเป็นเพียงคนเดียวที่ลงคะแนนสนับสนุนการปรับลดในระดับ 50bps
- การปรับลดดอกเบี้ยในรอบนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ อย่างไรก็ดี Dot Plot สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนภายในคณะกรรมการต่อทิศทางนโยบายการเงินในระยะถัดไป โดยคณะกรรมการส่วนใหญ่คาดว่า จะมีการปรับลดเพิ่มอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ ขณะที่เกือบครึ่งหนึ่งของกรรมการมองว่าจะปรับลดเพียง 1 ครั้ง หรืออาจไม่มีการปรับลดเพิ่มเติมเลย
- ถ้อยแถลงของประธาน Fed นาย Jerome Powell ระบุว่าการตัดสินใจครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ‘risk management cut’ พร้อมชี้ว่า ภาพความเสี่ยงได้เปลี่ยนไปอย่างมากโดยตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัว เทียบกับก่อนหน้านี้ที่กังวลด้านเงินเฟ้อเป็นหลัก โดย Powell แสดงความกังวลว่า มาตรการภาษีนำเข้าของรัฐบาล Trump อาจผลักดันให้ราคาสินค้าปรับสูงขึ้น โดยคาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะทยอยสะสมต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้และต่อเนื่องไปถึงปี 2026 สำหรับ Dot Plot ประธาน Fed ย้ำว่า ควรตีความผ่านมุมมอง “ความน่าจะเป็น”
การตอบสนอง และมุมมองของตลาด
- หุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานเมื่อคืน โดย Dow Jones +0.57% ที่ 46,018.32 จุด, S&P 500 −0.10% ที่ 6,600.35 จุด, NASDAQ −0.33% ที่ 22,261.33 จุด หุ้นเทคโนโลยีเด่นอย่าง Nvidia, Oracle, Palantir และ Broadcom ปิดลบ ขณะที่ Walmart, JPMorgan และ American Express ปรับขึ้นหนุน Dow Jones ให้เป็นดัชนีเดียวที่บวกเมื่อคืน
- แม้ตลาดสหรัฐฯ ปิดลบเมื่อคืนวันพุธ แต่ S&P 500 และ Nasdaq ยังคงปรับขึ้น +0.2% และ +0.5% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ทำให้ S&P 500 มีแนวโน้มบวกเป็นสัปดาห์ที่ 6 จาก 7 สัปดาห์ และ Nasdaq อยู่ในเส้นทางบวกต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ขณะเดียวกัน การดีดตัวขึ้นของดัชนี Dow Jones เมื่อคืน ส่งผลให้สัปดาห์นี้ดัชนีบวก +0.4% ซึ่งหากปิดบวกต่อเนื่องจะเป็นการปรับขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2
- ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ปรับแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่ 97.016 สะท้อนว่าตลาดไม่ได้ตีความท่าทีของ Fed ว่าเป็น Dovish ในระดับที่สูงนัก
การปรับลดดอกเบี้ย 25bps ของ Fed สะท้อนสัญญาณชัดเจนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังให้ความสำคัญกับ ภาวะตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรงลง ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดย CPI ล่าสุดปรับขึ้น 2.9% YoY ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และตั้งแต่เดือนเม.ย. เป็นต้นมา เงินเฟ้อได้เร่งตัวขึ้นแทบทุกเดือน สะท้อนภาพ Fed กำลัง ‘ชั่งน้ำหนัก’ ความเสี่ยงระหว่างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อกับการชะลอตัวของตลาดแรงงานอย่างระมัดระวัง และเป็นการดำเนินนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ข้อมูลเงินเฟ้อและการจ้างงานในระยะข้างหน้าจะเป็นตัวชี้วัดทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อไป
โดยสรุป การลดดอกเบี้ยของ Fed ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ แต่เป็นการลดดอกเบี้ยเพื่อ "บริหารความเสี่ยง" โดยการพยุงตลาดแรงงานที่อ่อนแรงเพื่อไม่ให้กระทบเศรษฐกิจในวงกว้าง ท่ามกลางปัญหาเงินเฟ้อที่ยังค้างคาอยู่ ถ้อยแถลงของ Powell ที่แสดงความกังวลต่อเสถียรภาพของตลาดแรงงาน ทำให้ตลาดไม่มั่นใจว่า Fed จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องได้มากน้อยเพียงใด
ดังนั้น ‘LH Fund ยังคงมุมมอง’ กระจายพอร์ตการลงทุนเชิงภูมิภาค โดยเพิ่มน้ำหนักใน หุ้นโลก (Global Equity) เพื่อลดความไม่แน่นอนในภาวะปัจจุบัน และให้น้ำหนักพอร์ตการลงทุนสู่สินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ อย่างการลงทุนใน ตราสารหนี้คุณภาพสูงระดับโลก (Global Investment Grade Bonds) ขณะเดียวกันเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ แต่กลยุทธ์ควรมุ่งไปที่ Selective Investment โดยเน้นลงทุนใน ‘Last Long Forever Sectors’ หรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเติบโตอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนด้วยเมกะเทรนด์ระดับโลก อาทิ AI Boom ซึ่งกำลังพลิกโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว และสอดคล้องกับที่ ประธาน Fed ระบุว่ากำลังเห็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนผ่านการลงทุนด้าน AI (AI build-out) สนับสนุนมุมมองว่า AI Capex ยังแข็งแรงและมีบทบาทสำคัญ ทั้งนี้แนะนำให้นักลงทุนติดตามข้อมูล ตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ ที่จะประกาศในระยะข้างหน้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อทิศทางนโยบายการเงินของเฟดและบรรยากาศการลงทุนโดยรวม
กองทุนแนะนำ
LHGEQP: กองทุนหุ้นโลกที่กระจายการลงทุนตามดัชนีอ้างอิง MSCI ACWI ครอบคลุมทั้งประเทศพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตระยะยาวจากหุ้นทั่วโลก พร้อมกระจายความเสี่ยงด้านภูมิภาคอย่างสมดุล
LHMEGA: กองทุนหุ้นโลกเน้นหุ้นเติบโตขนาดใหญ่ โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ที่ได้อานิสงส์จากเมกะเทรนด์ อย่าง AI, Cloud Digital Economy และนวัตกรรมดิจิทัลใหม่ๆ พร้อมสร้างโอกาสการเติบโตจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของโลกดิจิทัล
LHGIGO: กองทุนตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก มุ่งเน้นความมั่นคงของพอร์ต ผ่านกองทุนตราสารหนี้ที่ใช้กลยุทธ์การคัดเลือกผู้ออกตราสารรายตัว เพื่อเลือกลงทุนในเครดิตคุณภาพสูง เหมาะสำหรับการรับมือกับภาวะตลาดที่ผันผวนและลดความไม่แน่นอนจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก
LHQTUM: กองทุนธีมควอนตัมเทคโนโลยี ลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานของ Quantum Technology และ AI พร้อมคัดเลือกบริษัทที่สะท้อนธีมควอนตัมอย่างแท้จริง เพื่อคว้าโอกาสจากเมกะเทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก
ทั้งนี้นักลงทุนควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และรักษาวินัยในการบริหารความเสี่ยงโดยใช้แนวทางล็อคกำไร (Profit Locking) และป้องกันความเสี่ยง (Stop Loss) อย่างเคร่งครัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตการลงทุน
Source: CNBC, Bloomberg
LHFund 19 ก.ย. 2025
- ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- เนื่องจากกองทุน ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- ผลการดำเนินงานในอดีต ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต