สรุปภาวะตลาด

"ลงทุน LHINDIAE รับรอบเศรษฐกิจฟื้นตัว-ดอกเบี้ยขาลง"
ในช่วงที่ผ่านมา บลจ. ได้มีการปรับโครงสร้างพอร์ตการลงทุนของกองทุน LHINDIAE อย่างมีนัยสำคัญ โดยเน้นการลงทุนใน กองทุน ‘Invesco India Equity Fund’ ซึ่งมีนโยบายการบริหารแบบ bottom-up โดยมุ่งเน้นการคัดเลือกหุ้น “Quality Growth” ที่มี Business Model แข็งแกร่ง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม มีทีมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ และมีมูลค่าที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงยาว อีกส่วนหนึ่งของพอร์ตเป็นการลงทุนใน ETF แบบ Passive ซึ่งเน้นลงทุนในบริษัทอินเดียที่มีความโดดเด่นตามดัชนี Sector หรือ Thematic ที่ตอบโจทย์สภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจ
ซึ่งผลจากการปรับพอร์ตอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของกองทุน LHINDIAE ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีข้อมูล ณ วันที่ 28 พ.ค. 2025 ดังนี้:
- YTD: -8.82% (อยู่ใน Quartile 4)
- 3 เดือนล่าสุด: +10.62% (ขยับขึ้นมาอยู่ใน Quartile 3)
- 1 เดือนล่าสุด: +0.93% (ขึ้นมาอยู่ใน Quartile 2)
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของกองทุนอย่างชัดเจน ซึ่งนับตั้งแต่เราได้เผยแพร่บทวิเคราะห์ “อินเดียฟื้นตัวอีกครั้ง: โอกาสทยอยสะสม LHINDIAE รับเทรนด์เศรษฐกิจเติบโต” เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา เราจึงขอยืนยันคำแนะนำเดิมในการ ‘เข้าลงทุนในกองทุน LHINDIAE’ ด้วยเหตุผลสำคัญดังนี้
1. GDP อินเดียในไตรมาส 1/25 (ม.ค.-มี.ค. 2025) โตเกินคาด ที่ 7.4% YoY สูงสุดในรอบ 4 ไตรมาส สภาพคล่องในระบบธนาคารกลับมาเกินดุลเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ ต.ค. 2024 หนุนโดยมาตรการของ RBI ที่มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน INR แข็งค่า ราคาน้ำมันที่ลดลงหนุนแนวโน้มกำไรภาคบริโภคเอกชนฟื้นตัว การส่งออกเริ่มกลับมา แม้การลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจและแรงขับเคลื่อนหลักยังคงอยู่ในทิศทางบวก
2. ผลประกอบการ บจ.อินเดีย ไตรมาส 1/25 ออกมาดีเกินคาด กำไรสุทธิรวมเติบโต ~7% YoY และ ~9% QoQ โดยได้แรงหนุนหลักมาจากกลุ่มโทรคมนาคมและธนาคาร ขณะที่ กลุ่มยานยนต์ยังเป็นตัวฉุดผลรวม ทั้งนี้ บริษัทกว่า 58% ทำผลงานดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ และสูงสุดในรอบ 16 ไตรมาส ส่งผลให้ EPS เกินคาดเฉลี่ยที่ประมาณ 6–7% และคาดการณ์ EPS ของปี 2025 อยู่ที่ประมาณ 11%
3. นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของ RBI (The Reserve Bank of India) ตลาดคาดว่า RBI จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 25 bps ในการประชุมวันที่ 6 มิ.ย.นี้ และอีกครั้งในเดือนส.ค. ก่อนที่จะสิ้นสุดรอบการผ่อนคลายที่ระดับ 5.5% โดยยังคงจุดยืนแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป
4. แรงซื้อจากต่างชาติเริ่มกลับมา หลังจากต่างชาติขายสุทธิ 29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่าง ก.ย. 2024 – เม.ย. 2025 แต่ตั้งแต่กลางเดือนเม.ย. เป็นต้นมา มีเงินทุนไหลกลับเข้ามาแล้ว ประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการถือหุ้นของ FII (Foreign Institutional Investors) ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตจึงมีโอกาส "re-rating"
นอกจากนี้ นักลงทุนในประเทศ (โดยเฉพาะกองทุนรวม) ยังเป็นฐานที่มั่นคง โดยเงินลงทุนผ่าน SIP (Systematic Investment Plan : ระบบลงทุนอัตโนมัติรายเดือน) ยังแข็งแกร่ง ที่ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ ต่อเดือน
ข้อเสนอแนะการลงทุน: ตลาดหุ้นอินเดียเริ่มฟื้นตัวจากแนวรับขึ้นมายืนได้ที่ระดับ 24,629 (ณ 3 มิ.ย. 2025) แม้ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นอินเดียจะเผชิญแรงกดดันในระยะสั้นจากมาตรการกีดกันทางการค้าและความตึงเครียดบริเวณชายแดนกับปากีสถาน แต่ขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว ขณะเดียวกันการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานยังคงเดินหน้าสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวของตลาดหุ้นอินเดียยังคงแข็งแกร่งและมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทน
ดังนั้น ณ ปัจจุบันตลาดหุ้นอินเดียยังคงอยู่ในจุดที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน โดยเราแนะนำให้เพิ่มการ ลงทุนใน LHINDIAE ด้วยกลยุทธ์ ‘เข้าซื้อ’ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตามาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางตลาดในระยะถัดไป ทั้งนี้กองทุน LHINDIAE เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นอินเดีย โดยเราแนะนำน้ำหนักการลงทุนในอินเดียที่ 5-10% ของ Portfolio และตั้งจุด Stop Loss ที่ 10% จากราคาทุน
LHFund as of 6 May 2025
Source: Bloomberg, Goldman Sachs, Invesco
ผลการดำเนินงานในอดีต ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
เนื่องจากกองทุน ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้