สรุปภาวะตลาด
วิเคราะห์และเปรียบเทียบผลกระทบหลัง Nvidia ประกาศงบ Q2/24 และ Q3/24
ราคาหุ้น NVDA หลังประกาศงบ Q2/24 (ปลายสิงหาคม – กันยายน 2024)
1.ภาพรวมการประกาศงบ
- Nvidia รายงานกำไร (Earnings) สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
- การคาดการณ์รายได้ (Guidance) ของบริษัทออกมาในลักษณะ “ปานกลาง” คือไม่ได้ต่ำกว่าคาด แต่ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจหรือแรงหนุนเพิ่มเติมให้กับตลาด
- หลังจากการประกาศงบ ราคาหุ้น Nvidia ปรับตัวลดลงประมาณ 20% ภายใน 1 เดือน
- ตลาดใช้เวลา 2 เดือน เพื่อปรับฐาน (Correction) ก่อนที่ราคาหุ้นจะดีดตัวกลับมาสูงขึ้นถึง 45%
- ความต้องการในผลิตภัณฑ์ AI และเซมิคอนดักเตอร์ยังคงแข็งแกร่ง
- ตลาดกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี หลังความกังวลด้านเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยเริ่มคลี่คลาย
- ช่วงเดือนกันยายนถือเป็น “ช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นมักจะปรับฐาน” อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นช่วงที่นักลงทุนลดความเสี่ยง (Risk-Off) และประเมินผลประกอบการที่เพิ่งประกาศ
- อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยเฉพาะมักเผชิญกับแรงขายในช่วงนี้
คาดการณ์ : ราคาหุ้น NVDA หลังประกาศงบ Q3/24 (พฤศจิกายน 2024)
1.ภาพรวมการประกาศงบ
- Nvidia รายงานกำไรและรายได้ (Earnings และ Revenue) สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ (คล้ายตอนงบ Q2/24 ออก)
- การคาดการณ์รายได้ (Guidance) ยังคงออกมาในลักษณะ “ปานกลาง” เช่นเดียวกับรอบงบ Q2/24
- แม้ลักษณะของ Earnings และ Guidance จะคล้ายกับงบ Q2/24 แต่มีปัจจัยสำคัญที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจช่วยลดแรงกดดันต่อราคาหุ้นในรอบนี้
- Seasonal Effect
- ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมมักเป็น “ช่วงเวลาที่ดี” สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ และดัชนี S&P 500 ซึ่งได้รับแรงหนุนจาก Holiday Rally , Santa Rally , January effect และเม็ดเงินลงทุนปลายปี
- หุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์โดยเฉพาะก็มักได้รับแรงซื้อในช่วงนี้ เนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในช่วงเทศกาล
- Sentiment ในตลาดโดยรวม
- นักลงทุนอาจปรับตัวดีขึ้นจากการที่ Fed ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้าสู่ตลาด
- ราคาหุ้นอาจปรับฐานในระยะสั้นคล้ายกับรอบ Q2/24 แต่ มีโอกาสที่การปรับตัวลงอาจไม่รุนแรงเท่ากับรอบก่อนหน้า เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยเชิงบวกตามฤดูกาล
1.นักลงทุนระยะสั้น
- จับตาการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น Nvidia และ SOXX
- รอสัญญาณการฟื้นตัว เช่น ราคา SOXX ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ก่อนพิจารณาเข้าซื้อ
เป้าหมายกำไร (Take Profit) ตั้งเป้าหมายที่ 10-14% จากราคาทุน
จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ตั้งจุดขาดทุนที่ 5-7% จากราคาทุนหรือเมื่อ SOXX หลุดแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันอีกครั้ง
Risk-Reward Ratio (RR) โดยประมาณ RR = 2:1 ซึ่งถือว่าเหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะสั้น
2.นักลงทุนระยะยาว
- แนะนำให้ถือ แม้ว่าระยะสั้นอาจจะได้รับผลกระทบในเรื่องกำแพงภาษีระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนและประเทศอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อ Supply Chain ของอุตสาหกรรม แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์เป็นแกนหลักของเทคโนโลยีอนาคต ด้วยการพัฒนาที่ต่อเนื่องในเทคโนโลยี AI, Quantum Computing, และ Automation มูลค่าของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์คาดว่าจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเราแนะนำจัดสัดส่วนการลงทุนไม่เกิน 10% ของพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยง
นักลงทุนควรติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิดและวางแผนการลงทุนตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ครับ
Source : Tradingview , CNBC , appeconomyinsights
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน