สรุปภาวะตลาด
ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว หลังจากที่นักลงทุน ลดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
สรุปเหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ดัชนี DJI +2.9% S&P 500 +3.9% Nasdaq +5.3% จากตัวเลขเศรษฐกิจที่สะท้อนว่าตลาดกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากเกินไป ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ในกรกฎาคมอยู่ที่ 2.9% y-y น้อนกว่าคาดการณ์ที่ 3.0% ยอดค้าปลีกสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1% m-m ดีกว่าคาดที่ 0.4%m-m Jobless claims สหรัฐสัปดาห์ล่าสุดปรับลง 7k มาอยู่ที่ 227k
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทั่วโลก ได้มีการฟื้นตัวต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์นี้ หลังจากที่ตลาดได้ลดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) และความกังวลของการ Unwind Japanese Yen Trade โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอย่าง Services PMI (ภาคบริการ), ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการผู้ว่างงาน, เงินเฟ้อ PPI (ภาคผู้ผลิต), เงินเฟ้อ CPI (ภาคผู้บริโภค), ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก และที่สำคัญ ตัวเลขการค้าปลีกเดือนก.ค.นั้น ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ทั้งหมด เช่นเดียวกับ ผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ อย่าง Walmart ที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด และได้ทำการปรับเป้ายอดขายของในช่วงครึ่งปีหลังขึ้น ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนั้น บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นยังคงมีความทนทาน และยังไม่ได้ชะลอตัวลงมากนักอย่างที่ตลาดกังวล ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อนั้น กำลังค่อยๆปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) นั้นจะสามารถทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ถึง 2% จนถึงสิ้นปี 2025
- ตลาดหุ้นยุโรป ได้มีการฟื้นตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจของยูโรโซนนั้น ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าสหรัฐฯ โดยตัวเลข Eurozone Manufacturing PMI, Unemployment Rate, Retail Sales และ Sentix Investor Confidence เดือนก.ค.นั้น ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ทั้งหมด นอกจากนี้ GDP ไตรมาส 2 ของยูโรโซนนั้น มีการเติบโต 0.3% q/q และ 0.6% y/y ซึ่งเป็นการเติบโตมากกว่าไตรมาส 1 เพียงเล็กน้อยที่ 0.3% q/q และ 0.5% y/y
- ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ได้มีการฟื้นตัวต่อเนื่องกว่า 20% หลังจากเหตุการณ์ Black Monday ในวันที่ 5 ส.ค. หลังจากที่ประธานธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้มีการแถลงว่าจะไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก ในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินนั้นมีความผันผวนสูง ซึ่งเป็นการกลับคำพูดจากวันที่ 31 ก.ค. ที่ BOJ พึ่งทำการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.10% เป็น 0.25% เช่นเดียวกับ ที่นักลงทุนทั่วโลกได้ลดความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
- ตลาดหุ้นจีน และฮ่องกง ได้มีการฟื้นตัวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทใหญ่อย่าง Alibaba, Tencent และ JD.com นั้นออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ถึง 8%, 18% และ 51% ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจในจีน ถือว่าน่าผิดหวัง โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เดือนก.ค. เช่น Exports, Money Supply, New Yuan Loans, Industrial Production, Fixed Assets Investment นั้นมีการขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดทั้งหมด เช่นเดียวกับ อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นจาก 5.0% เป็น 5.2% และยอดขายอสังหาฯ ที่ยังคงติดลบกว่า 25.9% y/y YTD ถึงแม้ว่ารัฐบาลนั้นจะออกมาตรการช่วยเหลือในภาคอสังหาก็ตาม ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนั้น ยังคงทำให้นักลงทุนนั้นยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อภาพของตลาดจีนต่อไป จนกว่าที่มีสัญญาณจากรัฐบาลของการเปลี่ยนมากระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน
- ตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่แล้ว SET +5.93 จุด (+0.5%) สู่ระดับ 1303.00 จุด จากตลาดกุ้นปรับขึ้นทั่วโลก และการได้นายกคนใหม่ “แพรทองธาร”เร็วกว่าคาด โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ Bt0.4bn แต่นักลงทุนสถาบันในประเทศ เป็นผู้ขายสุทธิ Bt2.2bn
19 สิงหาคม: ไทย GDP (2Q) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 2.1% โดยไตรมาสก่อนอยู่ที่ 1.5%
20 สิงหาคม ยุโรป CPI (กรกฎาคม) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 2.6% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 2.5%
21 สิงหาคม สหรัฐ รายงานการประชุม FOMC Meeting
22-24 สิงหาคม Jackson Hole Economic Policy Symposium
23 สิงหาคม ญี่ปุ่น CPI (กรกฎาคม) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 2.7% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 2.8%
23 สิงหาคม สหรัฐ Fed Powell ให้สัมภาษณ์
- LHGEQ มีกลยุทธ์การลงทุนใน Quality Growth Stock และบริหารแบบเชิงรุก เน้นคัดหุ้นที่มีคุณภาพและแนวโน้มการเติบโตของกำไรในหุ้นทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยหุ้นมีลักษณะผสมผสานทั้ง Growth , Quality และ Value ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดในระยะยาว
- LHHEALTH ในช่วงที่ตลาดเผชิญความผันผวนจาก Valuation ของหุ้นที่ตึงตัว และความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย , ซึ่งกลุ่ม Healthcare มีค่าเบต้าที่ระดับ 0.6-0.7 ทำให้มีลักษณะความเป็น Defensive สามารถเผชิญกับความผันผวนของตลาดได้ โดยเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม
- LHDIVB ความผันผวนของตลาดจะเพิ่มขึ้นในช่วงที่ใกล้เข้าสู่การเลือกตั้ง DIVB ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน และหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น และการซื้อหุ้นคืนในตลาด และ หุ้นใน Theme value, cyclical, defensive ที่เริ่มเห็น การกลับเข้ามาซื้อตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน