สรุปภาวะตลาด
ตัวเลขเศรษฐกิจผสมผสาน ปลายสัปดาห์ตลาดเริ่มนิ่งขึ้น แต่คาดว่าความผันผวนยังคงอยู่
สรุปเหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมา DJI -0.6% S&P 500 -0.04% Nasdaq -0.2% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา Dow ปรับลง1,000 จุด และ S&P 500 -3% โดยเป็นการปรับลงมากสุดต่อวันตั้งแต่ปี 2022 จากการจ้างงานนอกภาคเกษตรในกรกฎาคม ที่เพิ่มขึ้น น้อยกว่าคาดเมื่อวันศุกร์ก่อนหน้า ทำให้กังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย และดัชนี TOPIX ของญี่ปุ่นปรับลงมากสุดตั้งแต่ตุลาคม ปี 1987 แต่ตลาดหุ้นสหรัฐ และญี่ปุ่นกลับมาดีขึ้นในช่วงท้ายของสัปดาห์ จาก jobless claims และ ISM ภาคบริการที่ดีต่อเศรษฐกิจ และ BOJ บอกว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ย ถ้าหาก ตลาดการเงิน ยังไม่ stable
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทั่วโลก ได้มีการปรับตัวลดลงแรงในวันที่ 2-5 ส.ค. โดยเฉพาะดัชนีความผันผวนอย่าง VIX Index ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี โดยมีหลายเหตุการณ์ที่สำคัญ ดังต่อไปนี้ (1) ตัวเลขการจ้างงาน Non-farm Payrolls เดือนก.ค. ของสหรัฐฯ ที่ ออกมาเพียง 114,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าเดือนมิ.ย. ที่ 206,000 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 175,000 เป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับ อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นจาก 4.1% เป็น 4.3% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 4.1% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้น ได้ทำให้นักลงทุนบางส่วนนั้นเชื่อว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้นกำลังมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะ Recession (เศรษฐกิจถดถอย) และที่ผ่านมาธ.กลางสหรัฐฯ (Fed) นั้นขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาก และนานจนเกินไป (2) ค่าเงินเยนที่แข็งค่าอย่างรวดเร็วในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ได้ทำให้เกิดการ Unwind ของการ Carry Trade Japanese Yen (หรือเรียกง่ายๆว่า นักลงทุนญี่ปุ่นเทขายเพื่อขนเงินกลับประเทศ) ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมที่เร่งการเทขายทำกำไร และ (3) ผลประกอบการไตรมาส 2 ของ S&P500 ที่บริษัทส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยนั้น ถึงแม้ว่าจะยังคงมีกำไรที่ดีกว่าที่ตลาดคาด แต่ก็เป็นอัตราที่น้อยที่สุดในรอบ 5 ไตรมาส ในขณะที่รายได้นั้นออกมาเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์
- อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นทั่วโลก ได้มีการฟื้นตัวในวันที่ 6-8 ส.ค.ตัวเลข Services PMI (ภาคบริการ) เดือนก.ค. ของสหรัฐฯ นั้นมีการขยายตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ เช่นเดียวกับ ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงจาก 250,000 ลงมาที่ 233,000 คน ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 240,000 ซึ่งได้ทำให้ตัวเลข Atlanta Fed GDP Nowcast นั้นได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ GDP สหรัฐฯในไตรมาส 3 ขึ้นเป็น 2.9% (ซึ่งจะสูงกว่าในไตรมาส 1 และ 2) ซึ่งได้ทำให้นักลงทุนนั้น ได้ลดความกังวลต่อภาวะ Recession ลง และทำให้นักลงทุนบางส่วนนั้นกลับมาช้อนซื้อหุ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Big Tech ที่ปรับตัวลดลงมามากในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
- ตลาดหุ้นญี่ปุ่นฟื้นตัวแรง หลังจากที่ประธานธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้มีการแถลงออกสื่อว่าทางธ.กลางนั้น จะไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อ ในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินนั้นมีความผันผวนสูง ซึ่งเป็นการกลับคำพูดจากวันที่ 31 ก.ค. ที่ BOJ พึ่งทำการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.10% เป็น 0.25% ซึ่งได้ทำให้ค่าเงินเยนนั้นกลับมาอ่อนค่าราวๆ 2%
- ตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่แล้ว SET -16.01 จุด (-1.2%) สู่ระดับ 1297.07 จุด จากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย ในสหรัฐ และ yen carry trades โดยนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ Bt0.4bn และ Bt1.8bn ตามลำดับ โดยในสัปดาห์หน้า คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีของนายกฯ เศรษฐา ที่คาดว่าจะไม่ต้องถูกถอนจากตำแหน่ง จะทำให้ SET ปรับขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1320-1330 จุด และการที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน ที่เพิ่มขึ้นหลังจากงบประมาณมีผลบังคับใช้ การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน กองทุนวายุภักษ์ TESG และดอกเบี้ยที่จะลดลงข้างหน้า
14 สิงหาคม: ไทย ศาลรัฐธรรมนูญให้คำตัดสินในกรณีของนายกฯ เศรษฐา
14 สิงหาคม: ยุโรป GDP (2Q) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 0.6% โดยไตรมาสก่อนอยู่ที่ 0.4%
14 สิงหาคม สหรัฐ CPI (กรกฎาคม) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 2.9% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 3.0%
15 สิงหาคม: ญี่ปุ่น GDP (2Q) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 2.1% โดยไตรมาสก่อนอยู่ที่ -1.8%
15 สิงหาคม: จีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (กรกฎาคม) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 5.4% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 5.3%
- LHGEQ มีกลยุทธ์การลงทุนใน Quality Growth Stock และบริหารแบบเชิงรุก เน้นคัดหุ้นที่มีคุณภาพและแนวโน้มการเติบโตของกำไรในหุ้นทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยหุ้นมีลักษณะผสมผสานทั้ง Growth , Quality และ Value ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดในระยะยาว
- LHHEALTH ในช่วงที่ตลาดเผชิญความผันผวนจาก Valuation ของหุ้นที่ตึงตัว และความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย , ซึ่งกลุ่ม Healthcare มีค่าเบต้าที่ระดับ 0.6-0.7 ทำให้มีลักษณะความเป็น Defensive สามารถเผชิญกับความผันผวนของตลาดได้ โดยเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม
- LHDIVB ความผันผวนของตลาดจะเพิ่มขึ้นในช่วงที่ใกล้เข้าสู่การเลือกตั้ง DIVB ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน และหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น และการซื้อหุ้นคืนในตลาด และ หุ้นใน Theme value, cyclical, defensive ที่เริ่มเห็น การกลับเข้ามาซื้อตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน