สรุปภาวะตลาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P500 ผันผวนสูงขึ้น โดยปิดลบรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบสามเดือน
สรุปเหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี DJI +0.7% S&P 500 -2.0% Nasdaq -3.7% Dow ยังทำระดับสูงขึ้ได้ระหว่างสัปดาห์ และมีการหมุนออกจาก หุ้นกลุ่ม tech ขนาดใหญ่ไปยังหุ้นขนาดเล็ก Trump รอดชีวิตจากการถูกรอบยิงทำให้ โอกาสได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เพิ่มสูงขึ้นอีก เป็นภาพดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ Fed Powell สะท้อนภาพผ่อนคลาย ในการให้สัมภาษณ์ระหว่างสัปดาห์ ECB คงดอกเบี้ยนโยบายตามคาด ส่วน GDP ไตรมาส 2 ของจีนโตเพียง 4.7% น้อยกว่าคาดที่ 5.1% CrowdStrike ที่มีปัญหาในวันศุกร์กดดันกลุ่ม tech
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้มีความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ จากกระแส Trump Trade ที่เริ่มไม่แน่นอนได้เกิดขึ้นหลังจาก Biden ถอนตัวและเสนอให้ Harris เป็นผู้สมัครประธานาธิบดีแทน ส่งผลให้ตลาดจับตาดูว่านโยบายของ Harris จะมีผลกระทบอย่างไรต่อการลดภาษีบริษัท การผ่อนคลายกฎระเบียบ และการเพิ่มภาษีศุลกากร ในส่วนของหุ้นกลุ่ม Chip และ AI ปรับตัวลงจากความกังวลว่า Biden จะเพิ่มมาตรการกีดกันจีน ขณะที่ Trump เสนอให้ไต้หวันจ่ายเงินให้สหรัฐฯ เป็นค่าคุ้มครอง กลุ่มพลังงาน (Energy) ได้รับความสนใจหลังจาก Trump มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์ลอบสังหารในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นในกลุ่ม Non-Tech ปิดบวกในช่วงต้นสัปดาห์และย่อลงเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์ ส่วนกลุ่ม Healthcare ปิดค่อนข้างคงที่ แม้ Eli Lilly ร่วงจากการเข้ามาของ Roche ในตลาดยาลดน้ำหนัก แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจาก UnitedHealth ที่มีผลประกอบการดี และ Eli Lilly กลับมาปรับตัวขึ้นในวันศุกร์หลังจากจีนอนุมัติให้ Mounjaro ใช้สำหรับลดน้ำหนัก การประกาศงบของ AMSL รายงานผลประกอบการที่เกินคาดหลายด้าน แต่สัดส่วนรายได้จากจีนสูงถึง 49% เนื่องจากยอดขายไปไต้หวันและสหรัฐฯ ลดลงจากการส่งมอบเครื่อง EUV ที่น้อยลง โดย Guidance 3Q24 ในด้านรายได้และกำไรขั้นต้นต่ำกว่าที่ตลาดคาด
- ตลาดหุ้นยุโรป แกว่งตัวติดลบหลังจากฟื้นตัวมาสองสัปดาห์ติดต่อกัน ผลมาจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25% และดอกเบี้ยฝากที่ 3.75% ตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากปัจจัยความกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเมืองสหรัฐฯ สงครามการค้า และการเติบโตของค่าแรงที่ 5% หลังจากที่ครั้งก่อน ECB ได้ลดดอกเบี้ยลง 25bps ครั้งแรกในรอบ 5 ปี อย่างไรก็ตาม คาดว่า ECB จะลดดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกันยายนเนื่องจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับลงสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังจากการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยโดยไม่มีปัจจัยหนุนอื่นๆ
- ตลาดหุ้นไทย SET -14.90 จุด (-1.1%) สู่ระดับ 1317.14 จุด จากความกังวลเรื่องการทุจริตของ EA ความกังวลคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารหลังประกาศงบไตรมาส 2 ขณะที่การควบรวมระหว่าง GULF-INTUCH ช่วยชดเชยได้บางส่วน โดยนักลงทุนต่างชาติ เป็นผู้ซื้อสุทธิ Bt1.8bn แต่ นักลงทุนสถาบันในประเทศ เป็นผู้ขายสุทธิ Bt4.6bn
24 กรกฎาคม: ยุโรป PMI ภาคการผลิต (Jul) คาดว่าอยู่ที่ 46.3 โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 45.8
24 กรกฎาคม: ไทย ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาถอดถอน นายกฯ
25 กรกฎาคม: สหรัฐ GDP (2Q) (QoQ) คาดว่าอยู่ที่ 1.8% โดยไตรมาสก่อนอยู่ที่ 1.4%
26 กรกฎาคม: สหรัฐ PCE Price Index (มิถุนายน) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 2.5% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 2.6%
- LHGEQ มีกลยุทธ์การลงทุนใน Quality Growth Stock และบริหารแบบเชิงรุก เน้นคัดหุ้นที่มีคุณภาพและแนวโน้มการเติบโตของกำไรในหุ้นทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคของ S&P 500 Index ที่ปิดเหนือ All time high เราจึงมองว่าหุ้นในกลุ่ม Big/Mid Cap , Growth มีโอกาสไปต่อได้อีก
- LHSEMICON โดยลงทุนหลักใน iShares Semiconductor ETF – SOXX เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีเช่น กลุ่มผู้ผลิตต้นน้ำ,กลุ่มผู้ผลิตที่ไม่มีโรงงานเป็นของตนเอง (Fabless Semiconductor Manufacturing),กลุ่มที่เชี่ยวชาญการผลิตชิพที่เกี่ยวข้องกับ S-Curve ใหม่ดังกล่าว หรือกลุ่มที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าคู่แข่งเป็นผู้นำตลาด หรือกลุ่มอื่นๆที่มีผลประกอบการและแนวโน้มการเติบโตโดดเด่น ตัวอย่างเช่น NVIDIA, Broadcom, AMD, Intel, Texas Instrument เป็นต้น
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน