สรุปภาวะตลาด
เงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ภาพรวมยังคงมอง Soft landing
สรุปเหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี DJI -0.1% S&P 500 -0.1% Nasdaq +0.2% GDP สหรัฐ ไตรมาสแรก ปรับขึ้น 0.1% จากครั้งก่อน PCE สหรัฐ ใน พ.ค. ไม่เปลี่ยนแปลง จากเดือนก่อนหน้า และปรับลงเป็น 2.6% y-y จาก 2.6%y-y จากเดือนก่อนหน้า ผลการสำรวจ Trump ชนะการ debate ประธานาธิบดีสหรัฐ ในครั้งแรก
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 โดยนักลงทุนในตลาดยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดการเงินสหรัฐฯ จากภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะ “Disinflation” ที่เงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทั้งจากค่าจ้างแรงงาน, ราคาอาหาร, พลังงาน, ค่าบริการต่างๆ และตัวเลขภาคอสังหาฯ ที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้ธ.กลางสหรัฐฯ นั้นจะสามารถทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในปีนี้ ในขณะที่แนวโน้มผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P500 นั้นยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2 โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิเช่น การปราศัยประชันกันของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธาธิบดี ระหว่างนาย Joe Biden และ Donald Trump ซึ่งได้ทำให้คะแนนความนิยมของ Trump เพิ่มสูงขึ้น และ Biden ปรับตัวลดลง โดยนักลงทุนส่วนใหญ่นั้น อาจที่จะชื่นชอบใน Donald Trump และพรรค Republican ที่มีนโยบายที่เป็นมิตรต่อตลาดทุนมากกว่า Democrats
- ตลาดหุ้นยุโรปยังคงให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรของฝรั่งเศสยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความกังวลของนักลงทุน ต่อการเลือกตั้งฝรั่งเศสในช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ โดยถ้านาง Le Pen และฝั่งขวาจัดชนะการเลือกตั้งนั้น อาจจะทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสนั้นมีการใช้จ่ายภาครัฐฯที่มากจนเกินไป และมีนโยบายที่เป็นผลลบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ในภาวะที่หนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะตามมาด้วยการถูกสถาบันจัดอันดับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
- ตลาดหุ้นจีน และฮ่องกง มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนมิ.ย. นำโดยหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ โดยมาตรการเข้าซื้อเพื่ออุ้มช่วยเหลือภาคอสังหาฯของรัฐบาล, การลดกฎระเบียบของผู้ซื้อต่างๆ และการกระตุ้นสินเชื่อนั้น ยังคงไม่สามารถทำให้ยอดขายอสังหาฯ และภาคการก่อสร้างในจีนนั้นฟื้นตัวได้มากนัก เช่นเดียวกับ ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคจีนที่ ฟื้นตัวน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ในช่วงกลางปีนั้น ได้ทำให้นักลงทุนกลับมามีความกังวลต่อภาพเศรษฐกิจในระยะยาวของจีน เช่นเดียวกับ ผลกำไรของบริษัทเอกชน
- ตลาดหุ้นไทย SET -5.45 จุด (-0.4%) สู่ระดับ 1300.96 จุด เป็นการลดลง 6 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี จากแรงขายต่างชาติ และความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยนักลงทุนต่างชาติ เป็นผู้ขายสุทธิ Bt8.8bn แต่ นักลงทุนสถาบันในประเทศ เป็นผู้ซื้อสุทธิ Bt0.03bn
2 กรกฎาคม: ยุโรป เงินเฟ้อ (มิถุนายน) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 2.5% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 2.6%
3 กรกฎาคม: สหรัฐ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ
3 กรกฎาคม: ไทย ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล
4 กรกฎาคม: การเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ
5 กรกฎาคม: ไทย เงินเฟ้อ (มิถุนายน) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 1.00% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 1.54
- LHGEQ มีกลยุทธ์การลงทุนใน Quality Growth Stock และบริหารแบบเชิงรุก เน้นคัดหุ้นที่มีคุณภาพและแนวโน้มการเติบโตของกำไรในหุ้นทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคของ S&P 500 Index ที่ปิดเหนือ All time high เราจึงมองว่าหุ้นในกลุ่ม Big/Mid Cap , Growth มีโอกาสไปต่อได้อีก
- LHSEMICON โดยลงทุนหลักใน iShares Semiconductor ETF – SOXX เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีเช่น กลุ่มผู้ผลิตต้นน้ำ,กลุ่มผู้ผลิตที่ไม่มีโรงงานเป็นของตนเอง (Fabless Semiconductor Manufacturing),กลุ่มที่เชี่ยวชาญการผลิตชิพที่เกี่ยวข้องกับ S-Curve ใหม่ดังกล่าว หรือกลุ่มที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าคู่แข่งเป็นผู้นำตลาด หรือกลุ่มอื่นๆที่มีผลประกอบการและแนวโน้มการเติบโตโดดเด่น ตัวอย่างเช่น NVIDIA, Broadcom, AMD, Intel, Texas Instrument เป็นต้น
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน