สรุปภาวะตลาด
Fed คงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.50% ตามคาด และปรับคาดการณ์การลดดอกเบี้ยปีนี้เหลือ 1 ครั้ง
สรุปเหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี DJI -0.5% S&P 500 +1.6% Nasdaq +3.2% จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอลงกว่าที่คาด และ Fed คงดอกเบี้ยตามคาด แม้การลดดอกเบี้ยปีนี้จะปรับลดลง ผ่านการลด Dot Plots เหลือเพียง 1 ครั้ง ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ปรับลง 0.24% จากสัปดาห์ก่อน
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปรับตัวสูงขึ้นอย่างโดดเด่นอีกครั้งในสัปดาห์นี้ โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรุ่น 10 ปี ได้ปรับตัวลดลงจากระดับ 4.43% ลงมาที่ 4.19% ในสัปดาห์นี้ โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อผู้บริโภค CPI เดือนพ.ค. ที่ +0% m/m และ +3.3% y/y ซึ่งออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการปรับตัวลดลงของราคาพลังงาน, การคมนาคม และราคาประกันภัย และรถยนต์มือสองที่ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เงินเฟ้อในภาคบริการ และภาคการจ้างงานก็ได้มีการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้น บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้น มีโอกาสสูงที่ได้ผ่านจุดสูงสุดของอัตราเงินเฟ้อแล้ว โดยเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องไปยังปี 2025 ซึ่งจะทำให้ธ.กลางทั่วโลก จะต้องทำการลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สอดคล้องกับระดับเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลง
- นอกจากนี้ หุ้นกลุ่ม Technology ได้มีการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในสัปดาห์นี้ หลังจากที่บริษัท Apple ได้ทำการเปิดตัว iOS ใหม่ ที่มีการเชื่อมต่อกับ ChatGPT ของ OpenAI ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ที่บริษัท Consumer Electronics อันดับ 1 ของโลกนั้น ได้นำเสนอสินค้า และบริการในรูปแบบของ AI เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในสัปดาห์นี้ อาทิเช่น Broadcom +19.8%, Crowdstrike +12.4%, Apple +10.2% และ Micron Technology+10% เป็นต้น โดยนักลงทุนยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อบริษัทในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ AI Megatrend ทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่ม AI Chips และ Data Center (Hardware)
- ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในสัปดาห์นี้ โดยตลาดนั้นยังคงขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ โดยตลาดยังจับตามองผลกระทบของการที่สหภาพยุโรปได้ทำการขึ้นภาษีนำเข้า รถไฟฟ้า EV จากประเทศจีนขึ้นกว่า 30% ซึ่งบ่งชี้ถึงทิศทางของนโยบายในการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
- ตลาดหุ้นไทย SET -26.18จุด (-2.0%) สู่ระดับ 1306.56 จุด เป็นการลดลง 4 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี จากแรงขายต่างชาติ และความไม่แน่นอนทางการเมือง
17 มิถุนายน: จีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (พฤษภาคม) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 6.0% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 6.7%
16 มิถุนายน: ยุโรป เงินเฟ้อ (พฤษภาคม) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 2.6% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 2.4%
18 มิถุนายน: สหรัฐ ยอดค้าปลีก (พฤษภาคม) (MoM) คาดว่าอยู่ที่ 0.3% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 0.0%
18 มิถุนายน: ไทย ศาลรัฐธรรมนูญ นัดการพิจารณายุบพรรคก้าวไกล การแต่งตั้งรัฐมนตรีของนายก และ ตัดสินการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ถูกต้อง หรือไม่
- LHGEQ มีกลยุทธ์การลงทุนใน Quality Growth Stock และบริหารแบบเชิงรุก เน้นคัดหุ้นที่มีคุณภาพและแนวโน้มการเติบโตของกำไรในหุ้นทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคของ S&P 500 Index ที่ปิดเหนือ All time high เราจึงมองว่าหุ้นในกลุ่ม Big/Mid Cap , Growth มีโอกาสไปต่อได้อีก
- LHSEMICON โดยลงทุนหลักใน iShares Semiconductor ETF – SOXX เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีเช่น กลุ่มผู้ผลิตต้นน้ำ,กลุ่มผู้ผลิตที่ไม่มีโรงงานเป็นของตนเอง (Fabless Semiconductor Manufacturing),กลุ่มที่เชี่ยวชาญการผลิตชิพที่เกี่ยวข้องกับ S-Curve ใหม่ดังกล่าว หรือกลุ่มที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าคู่แข่งเป็นผู้นำตลาด หรือกลุ่มอื่นๆที่มีผลประกอบการและแนวโน้มการเติบโตโดดเด่น ตัวอย่างเช่น NVIDIA, Broadcom, AMD, Intel, Texas Instrument เป็นต้น
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน