สรุปภาวะตลาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์
สรุปเหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Dow -1.0% S&P 500 -0.5% Nasdaq -1.1% จากผลการประมูลพันธบัตรสหรัฐที่แย่กว่าคาด ขณะที่ PCE เมษายน เป็นไปตามคาด ขณะที่ PMI ภาคการผลิตพฤษภาคม ของจีนอกกมาที่ 49.5 แย่กว่าคาดโดยลดลง 0.9 จุด จากเมษายน
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้มีการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ ซึ่งสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรุ่น 10 ปี ได้ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 4.47% ขึ้นเป็น 4.55% ในสัปดาห์นี้ จากผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลล่าร์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีแรงซื้อที่น้อยกว่าเดือนที่ผ่านมา โดยอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น มีสาเหตุสำคัญมาจาก ตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น Durable Goods Orders (เดือนเม.ย.), ดัชนีความเชื่อมั่น U. of Michigan Sentiment, Conference Board Consumer Confidence และ Richmond Fed Manufacturing Index (เดือนพ.ค.) นั้นออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ทั้งหมด ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นเริ่มมีแนวโน้มการฟื้นตัวจากเดือนเม.ย. และกำลังเข้าสู่ช่วง High Season ในช่วงฤดูร้อน ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ นั้นอาจจะปรับตัวสูงขึ้นชั่วคราวในช่วง 2-3 เดือนนี้ และทำให้ธ.กลางสหรัฐฯ นั้นอาจจะเลื่อนการลดดอกเบี้ยออกไปอีก นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของตลาดสหรัฐฯ นั้นยังเป็นการขายทำกำไร หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ในเดือนพ.ค. และได้จบฤดูผลประกอบการไตรมาส 1 โดยเฉพาะกลุ่ม Technology ที่ตลาดได้รับรู้ปัจจัยบวกจาก “AI Mega Trend” มาระดับหนึ่งแล้ว โดยนักลงทุนนั้นยังคงต้องรออีกหลายไตรมาส กว่าที่บริษัทในกลุ่ม Software & Service นั้นจะเห็นผลกำไรอย่างชัดเจนจากการพัฒนา AI Application ต่างๆ ในขณะที่กลุ่ม Hardware เช่น Nvidia และกลุ่ม AI Chips นั้นได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนจากภาคธุรกิจใน AI Data Center เป็นอย่างมากในตอนนี้
- สัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นฮ่องกง ได้มีการปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากเป็นสัปดาห์ที่สอง จากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนี Hang Seng ได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 20% จากช่วงกลางเดือนเม.ย. ถึงกลางเดือนพ.ค. โดยผลกำไรไตรมาส 1 บริษัทใน Hang Seng Index นั้นโดยเฉลี่ยออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ราวๆ 5% ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจจีน เช่น Manufacturing และ Non-Manufacturing PMI เดือนพ.ค. นั้นปรับตัวลดลง และออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด
- สัปดาห์ที่แล้ว แล้ว SET - 18.82 จุด (-1.4%) สู่ระดับ 1345.66 จุด จากแรงขายต่างชาติ MSCI Rebalance และอัยการสูงสุดส่งฟ้องคุณทักษิณในคดี ม. 112 โดยนักลงทุนต่างชาติ
3 มิถุนายน: สหรัฐ ISM ภาคการผลิต (พฤษภาคม) คาดว่าอยู่ที่ 49.7 โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 49.2
5 มิถุนายน: จีน Caixin PMI ภาคบริการ (พฤษภาคม) คาดว่าอยู่ที่ 52.6 โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 52.5
5 มิถุนายน: ไทย เงินเฟ้อ (พฤษภาคม) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 1.2% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 0.2%
5 มิถุนายน: สหรัฐ ISM ภาคบริการ (พฤษภาคม) คาดว่าอยู่ที่ 51.0 โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 49.4
6 มิถุนายน: ยุโรป ประชุม ECB คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps เป็น 3.75%
7 มิถุนายน: ยุโรป GDP (1Q) (QoQ) คาดว่าอยู่ที่ 0.3% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 0.3%
7 มิถุนายน: สหรัฐ การจ้างงานนอกภาคเกษตร (พฤษภาคม) คาดว่าอยู่ที่ 180k โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 175k
- LHGEQ มีกลยุทธ์การลงทุนใน Quality Growth Stock และบริหารแบบเชิงรุก เน้นคัดหุ้นที่มีคุณภาพและแนวโน้มการเติบโตของกำไรในหุ้นทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคของ S&P 500 Index ที่ปิดเหนือ All time high เราจึงมองว่าหุ้นในกลุ่ม Big/Mid Cap , Growth มีโอกาสไปต่อได้อีก
- LHSEMICON โดยลงทุนหลักใน iShares Semiconductor ETF – SOXX เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีเช่น กลุ่มผู้ผลิตต้นน้ำ,กลุ่มผู้ผลิตที่ไม่มีโรงงานเป็นของตนเอง (Fabless Semiconductor Manufacturing),กลุ่มที่เชี่ยวชาญการผลิตชิพที่เกี่ยวข้องกับ S-Curve ใหม่ดังกล่าว หรือกลุ่มที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าคู่แข่งเป็นผู้นำตลาด หรือกลุ่มอื่นๆที่มีผลประกอบการและแนวโน้มการเติบโตโดดเด่น ตัวอย่างเช่น NVIDIA, Broadcom, AMD, Intel, Texas Instrument เป็นต้น
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน