สรุปภาวะตลาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯทรงตัว ข่าวดีจากงบ Nvidia ข่าวร้ายคือดอกเบี้ยอาจจะลดช้าลง
สรุปเหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มา Dow -2.3% S&P 500 +0.03% Nasdaq +1.4% จากผลการประชุม Fed ที่สะท้อนภาพเข้มงวดกว่าคาดโดย Fed หลายท่านพร้อมจะขึ้นดอกเบี้ยหากจำเป็น ขณะที่ผลประกอบการของ Nvidia ออกมาดีกว่าคาดส่งผลให้ Nvidia ราคาปรับขึ้นเหนือ $1,000 เป็นครั้งแรก และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นลง
- Fed นั้น ยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อ เช่นเดียวกับ ตัวเลข S&P Global Manufacturing และ Services PMI ของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด โดยเฉพาะในภาคบริการที่ตัวเลขเติบโตมากที่สุดในรอบ 10 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นได้กลับมาขยายตัว และกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ซึ่งมักจะเป็น High Season ของภาคบริการ, ท่องเที่ยว และการใช้พลังงานต่างๆ ซึ่งได้ทำให้นักลงทุนได้กลับมาระมัดระวังสถานการณ์เงินเฟ้อในช่วงกลางปีนี้อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq นั้นได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า S&P500 จากการที่หุ้นของบริษัท Nvidia ได้ปรับตัวขึ้นกว่า 9.3% หลังจากที่ผลกำไรไตรมาส 1 ของบริษัทเติบโตเกือบ 5 เท่าตัวจากปีที่แล้ว และออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยเป็นการเติบโตในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่ม Data Center และ AI Chips
- ตลาดหุ้นยุโรป 412 บริษัทในดัชนี StoxxEurope600 ได้มีการประกาศผลกำไรในไตรมาส 1 ซึ่งผลกำไรเฉลี่ยของทั้ง 412 บริษัทนั้น มีการปรับตัวลดลง 6.25% y/y แต่ได้ออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ถึง 9.2% โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่ม Basic Materials, Financials และ Telecommunications
- ตลาดหุ้นฮ่องกง ได้มีการปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากในสัปดาห์นี้ โดยเกิดจากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนี Hang Seng ได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 20% จากช่วงกลางเดือนเม.ย. ถึงกลางเดือนพ.ค. โดยผลกำไรไตรมาส 1 ของหลายบริษัทที่สำคัญ อาทิเช่น Xiaomi, Li Auto และ Alibaba นั้นออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แต่ก็ยังมีบริษัทที่มีผลกำไรที่ดี อาทิเช่น Trip.com, JD.com, Tencent และ Baidu ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
- สัปดาห์ที่แล้ว SET 18.20 จุด (-1.3%) สู่ระดับ 1364.48 จุด จากแรงขายต่างชาติ และศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไต่สวนนายกฯที่แต่งตั้งคุณพิชิตเป็นรัฐมนตรี โดยนักลงทุนต่างชาติ เป็นผู้ขายสุทธิ Bt4.9bn แต่ นักลงทุนสถาบันในประเทศ เป็นผู้ซื้อสุทธิ Bt1.9bnn
30 พฤษภาคม: สหรัฐ GDP (1Q) (QoQ) คาดว่าอยู่ที่ 1.2% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 1.6%
31 พฤษภาคม: จีน PMI ภาคการผลิต (พฤษภาคม) คาดว่าอยู่ที่ 50.5 โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 50.4
31 พฤษภาคม: ไทย MSCI Rebalancing (พฤษภาคม) ไม่มีหุ้นเข้า แต่มีหุ้นออกคือ BTS, LH, MTC
31 พฤษภาคม: ยุโรป เงินเฟ้อ (พฤษภาคม) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 2.6% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 2.4%
31 พฤษภาคม: สหรัฐ PCE Deflator (เมษายน) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 2.7% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 2.7%
- LHGEQ มีกลยุทธ์การลงทุนใน Quality Growth Stock และบริหารแบบเชิงรุก เน้นคัดหุ้นที่มีคุณภาพและแนวโน้มการเติบโตของกำไรในหุ้นทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคของ S&P 500 Index ที่ปิดเหนือ All time high เราจึงมองว่าหุ้นในกลุ่ม Big/Mid Cap , Growth มีโอกาสไปต่อได้อีก
- LHSEMICON โดยลงทุนหลักใน iShares Semiconductor ETF – SOXX เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีเช่น กลุ่มผู้ผลิตต้นน้ำ,กลุ่มผู้ผลิตที่ไม่มีโรงงานเป็นของตนเอง (Fabless Semiconductor Manufacturing),กลุ่มที่เชี่ยวชาญการผลิตชิพที่เกี่ยวข้องกับ S-Curve ใหม่ดังกล่าว หรือกลุ่มที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าคู่แข่งเป็นผู้นำตลาด หรือกลุ่มอื่นๆที่มีผลประกอบการและแนวโน้มการเติบโตโดดเด่น ตัวอย่างเช่น NVIDIA, Broadcom, AMD, Intel, Texas Instrument เป็นต้น
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน