สรุปภาวะตลาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากงบที่ดีกว่าคาดและคาดหวังการลดดอกเบี้ยในปีนี้
สรุปเหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี Dow +2.2% S&P 500 +1.9% Nasdaq +1.1% จากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์ก่อน ตัวเลขขอสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้น 22,000 ตำแหน่ง จากสัปดาห์ก่อน ตัวเลข sentiment ผู้บริโภคที่ชะลอลงกว่าที่คาดเป็น 67.4 และ comments ของ Fed ไม่มีทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือตัวเลขการจ้างงาน Non-farm Payrolls เดือนเม.ย. ที่มีการจ้างงานที่ 175,000 ตำแหน่ง (ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 240,000 และตัวเลขเดือนมี.ค.ที่ 315,000 เป็นอย่างมา) โดยระดับอัตราการว่างงานได้ปรับตัวขึ้นจากระดับ 3.8% เป็น 3.9% และอัตราค่าจ้างได้มีการขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้น บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้ธ.กลางสหรัฐฯ (Fed) นั้นอาจจะกลับมาพิจารณาถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อีกครั้ง ซึ่งสอดคล้องกับการที่นาย Jerome Powell ประธาน Fed นั้น ได้ย้ำชัดในวันที่ 1 พ.ค. ว่าทางธ.กลางนั้น ยังคงไม่มีแผนการที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกจากระดับปัจจุบัน และถ้าระดับเงินเฟ้อนั้นเริ่มมีสัญญาณที่ปรับตัวลดลง หรือเศรษฐกิจเริ่มมีการชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ทาง Fed นั้นก็มีความพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังคงมีการตอบรับในเชิงบวก จากการที่ Fed ได้ปรับลดมาตรการ Quantitative Tightening (QT) จากการขายพันธบัตรรัฐบาลคืนสู่ตลาด (เพื่อดูดสภาพคล่องทางการเงินในระบบธนาคารออก) $95,000 ล้านต่อเดือน ลงมาเหลือ $65,000 ล้านต่อเดือน ซึ่งสอดคล้องกับที่กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศมาตรการ “Bond Buyback” โดยเป็นการซื้อพันธบัตรคืนออกจากตลาด ซึ่งทั้ง 2 มาตรการนั้น จะเป็นการลดแรงเทขาย และลดปริมาณอุปทานของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รุ่นอายุ 2 ปี และ 10 ปี (ซึ่งเป็นดอกเบี้ยอ้างอิงที่สำคัญของตลาดการเงินโลก) ได้ปรับตัวลดลงอีกราวๆ 0.05% ในสัปดาห์นี้ โดยตลาดจะจับตามองตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในวันที่ 15 พ.ค. อย่างใกล้ชิดว่าระดับเงินเฟ้อของสหรัฐฯ นั้นจะกลับมาชะลอตัวลง หรือจะกลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง
- ตลาดหุ้นฮ่องกง ยังคงมีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากหลายปัจจัยที่สำคัญ ทั้งจากความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและลดดอกเบี้ยจากรัฐบาล, สัญญาณของความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ลดอุณหภูมิลงเล็กน้อย, ตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่ดีกว่าที่ตลาดคาด และล่าสุดที่ทางรัฐบาลจีนได้ประกาศยกเลิกการเก็บภาษีจากเงินปันผล ให้แก่นักลงทุนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ข้ามไปลงทุนในตลาดฮ่องกงผ่านช่องทาง China Stock Connect นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่นักลงทุนในตลาดโลกนั้น ได้เริ่มให้ความสนใจกับหุ้นในกลุ่ม Value และ Cyclicals ที่มีมูลค่าถูกในตลาดจีนและฮ่องกงมากขึ้น ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ย และมูลค่าตลาดหุ้นในสหรัฐฯยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นเริ่มมีสัญญาณของการชะลอตัวลง
- ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่แล้วสัปดาห์ที่แล้ว SET +1.98 จุด (+0.1%) สู่ระดับ 1371.90 จุด จากผลประกอบการที่ดีกว่าคาด ความหวังการกลับมาของกองทุน LTF และการนำเข้าของจีนที่สูงขึ้น
14 พฤษภาคม: แถลงการณ์ของ Fed Powell
14 พฤษภาคม: ประกาศผล MSCI Quarterly Rebalance
15 พฤษภาคม: สหรัฐ ดัชนีราคาผู้บริโภค (เมษายน) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 3.4% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 3.5%
17 พฤษภาคม: จีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (เมษายน) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 5.5% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 4.5%
- LHGEQ มีกลยุทธ์การลงทุนใน Quality Growth Stock และบริหารแบบเชิงรุก เน้นคัดหุ้นที่มีคุณภาพและแนวโน้มการเติบโตของกำไรในหุ้นทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคของ S&P 500 Index ที่ปิดเหนือ All time high เราจึงมองว่าหุ้นในกลุ่ม Big/Mid Cap , Growth มีโอกาสไปต่อได้อีก
- LHSEMICON โดยลงทุนหลักใน iShares Semiconductor ETF – SOXX เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีเช่น กลุ่มผู้ผลิตต้นน้ำ,กลุ่มผู้ผลิตที่ไม่มีโรงงานเป็นของตนเอง (Fabless Semiconductor Manufacturing),กลุ่มที่เชี่ยวชาญการผลิตชิพที่เกี่ยวข้องกับ S-Curve ใหม่ดังกล่าว หรือกลุ่มที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าคู่แข่งเป็นผู้นำตลาด หรือกลุ่มอื่นๆที่มีผลประกอบการและแนวโน้มการเติบโตโดดเด่น ตัวอย่างเช่น NVIDIA, Broadcom, AMD, Intel, Texas Instrument เป็นต้น
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน