LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด






ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากงบหุ้นกลุ่ม Tech ที่ออกมาดีกว่าคาด

สรุปเหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
 

  • ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี Dow +1.1% S&P 500 +0.5% Nasdaq +1.4% จากผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอลง และ การประชุม FOMC ส่งสัญญาณผ่อนคลาย (29 เมษายน - 3 พฤษภาคม)
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้มีการฟื้นตัวต่อเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ได้มีการปรับฐานลงมา 5.6% และ 7.70% ตามลำดับ จากจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ (ต้นเดือนเม.ย.) โดยมีหลายปัจจัยที่สำคัญ อาทิเช่น ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 1 พ.ค. ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยในช่วงแถลงข่าว นาย Jerome Powell ประธาน Fed นั้น ยังคงย้ำชัดว่าทางธ.กลางนั้น ยังคงไม่มีแผนการที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกจากระดับปัจจุบัน โดยจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้ไปก่อน เพื่อรอดูตัวเลขเศรษฐกิจที่เข้ามา โดย Fed นั้นให้ความสำคัญต่อทั้งภาวะของตลาดแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าระดับเงินเฟ้อนั้นเริ่มมีสัญญาณที่ปรับตัวลดลง หรือเศรษฐกิจเริ่มมีการชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ทาง Fed นั้นก็มีความพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ทาง Fed ยังได้ประกาศลดขนาดของมาตรการ Quantitative Tightening (QT) จากการขายพันธบัตรรัฐบาลคืนสู่ตลาด (เพื่อดูดสภาพคล่องทางการเงินในระบบธนาคารออก) $95,000 ล้านต่อเดือน ลงมาเหลือ $65,000 ล้านต่อเดือน ซึ่งสอดคล้องกับที่กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศมาตรการ “Bond Buyback” โดยเป็นการซื้อพันธบัตรคืนออกจากตลาด ซึ่งทั้ง 2 มาตรการนั้น จะเป็นการลดแรงเทขาย และลดปริมาณอุปทานของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งตลาดนั้นได้มีการตอบรับในเชิงบวกเล็กน้อย โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รุ่นอายุ 2 ปี และ 10 ปี (ซึ่งเป็นดอกเบี้ยอ้างอิงที่สำคัญของตลาดการเงินโลก) ได้ปรับตัวลดลงราวๆ 0.12% ในสัปดาห์นี้
  • ตลาดหุ้นจีน และโดยเฉพาะฮ่องกง ได้มีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญที่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผลการประชุม Politburo ของรัฐบาลจีนล่าสุดนั้น ได้เริ่มมีสัญญาณในเชิงบวกที่รัฐบาลจีนนั้นจะออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการลดอัตราดอกเบี้ย และลด Required Reserve Ratio ของภาคธนาคารลงอีก นอกจากนี้ นักลงทุนนั้นได้เริ่มมีมุมมองในเชิงบวกต่อภาพของเศรษฐกิจจีน และภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกมากขึ้น หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และตัวเลขภาคการผลิตทั่วโลกนั้น เริ่มมีการฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะอุปทานในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ถึงแม้ระดับดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูงก็ตาม เช่นเดียวกับ การที่นักลงทุนนั้นได้เริ่มมีการขายทำกำไรหุ้นในกลุ่ม Growth และ Technology ที่มีมูลค่าแพงในตลาดสหรัฐฯ และได้มีการเปลี่ยนไปลงทุนในหุ้นกลุ่ม Value และ Cyclicals ที่มีมูลค่าถูกกว่าเท่าตัว ในตลาดจีนมากขึ้น 
  • ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่แล้วสัปดาห์ที่แล้ว SET +9.98จุด (+0.7%) สู่ระดับ 1369.92 จุด จากผลประกอบการที่ดีกว่าคาด และ Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลาย
   
8 พฤษภาคม: จีน ส่งออก (เมษายน) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 1.0% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ -7.5%
9 พฤษภาคม: สหรัฐ U. of Michigan Sentiment Index (พฤษภาคม) (YoY) คาดว่าอยู่ที่ 77.0 โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 77.2



 
  • LHGEQ มีกลยุทธ์การลงทุนใน Quality Growth Stock และบริหารแบบเชิงรุก เน้นคัดหุ้นที่มีคุณภาพและแนวโน้มการเติบโตของกำไรในหุ้นทั่วโลก  โดยเน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคของ S&P 500 Index ที่ปิดเหนือ All time high เราจึงมองว่าหุ้นในกลุ่ม Big/Mid Cap , Growth มีโอกาสไปต่อได้อีก
  • LHSEMICON โดยลงทุนหลักใน iShares Semiconductor ETF – SOXX เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีเช่น กลุ่มผู้ผลิตต้นน้ำ,กลุ่มผู้ผลิตที่ไม่มีโรงงานเป็นของตนเอง (Fabless Semiconductor Manufacturing),กลุ่มที่เชี่ยวชาญการผลิตชิพที่เกี่ยวข้องกับ S-Curve ใหม่ดังกล่าว หรือกลุ่มที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าคู่แข่งเป็นผู้นำตลาด หรือกลุ่มอื่นๆที่มีผลประกอบการและแนวโน้มการเติบโตโดดเด่น ตัวอย่างเช่น NVIDIA, Broadcom, AMD, Intel, Texas Instrument เป็นต้น
Source:LHFUND, LHSEC, CNBC, UOB Kay Hian, Tisco
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ