LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด





 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯและญี่ปุ่นเริ่มพักตัว ยุโรปทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง ส่วนจีนและไทยยังคงรอความหวัง
เหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา

  • ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Dow -0.02% S&P 500 -0.1% และ Nasdaq -0.7% จากความกังวลเงินเฟ้อในระดับสูง ทำให้การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่จะประชุมในสัปดาห์หน้า อาจน้อยกว่าที่คาด ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับขึ้น 0.24% ระหว่างสัปดาห์ โดยเงินเฟ้อสหรัฐในกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 3.2% y-y มากว่าคาดที่ 3.1% y-y  และดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ ในกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 0.6% m-m มากว่าคาดที่ 0.3% m-m
  • โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้มีการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่ม Automobile, Airlines และกลุ่ม Semiconductors อาทิเช่น Marvell Technology, AMD, Broadcom, Tesla, Micron และ Intel เป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวลดลงมากที่สุด โดยนักลงทุนได้มีการขายทำกำไรในหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นมามากกว่าตลาด และได้มีการกลับไปช้อนซื้อหุ้นกลุ่มที่ขึ้นน้อยกว่าตลาดอาทิเช่น Paypal, Alphabet และ Microsoft เป็นต้น นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รุ่นอายุ 2 และ 10 ปี ได้มีการปรับตัวขึ้นแรงกว่า 0.20%ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขึ้นมาที่ระดับ 4.69% และ 4.28% ตามลำดับ หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI และ PPI เดือนก.พ. ที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด โดยเฉพาะราคาของภาคบริการ, อาหาร และพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งได้ทำให้ตลาดนั้นเริ่มลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนมิ.ย. ลง นอกจากนี้ ตัวเลขค้าปลีกเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ ที่ 0.6% m/m นั้นต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 0.8% นั้นเริ่มบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของการบริโภคของชาวสหรัฐฯ
  • ตลาดหุ้นยุโรปได้มีการปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์นี้ หุ้นในกลุ่ม Retail, Consumers, Energy และ Banks ได้มีการปรับตัวขึ้นมามากที่สุด ตรงข้ามกับกลุ่ม Technology และ Real Estate ที่ปรับตัวลดลง โดยตลาดได้มีการตอบรับต่อราคาพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • ตลาดหุ้นฮ่องกง และจีน ได้มีการฟื้นตัวในสัปดาห์นี้ โดยถึงแม้ว่าตลาดนั้นยังผิดหวัง จากการที่รัฐบาลจีนนั้นยังคงไม่มีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามแรงซื้อจากกองทุนรัฐบาลจีน และตัวเลขการบริโภคในประเทศจีนที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยนั้น ได้ทำให้นักลงทุนมีมุมมองเชิงลบต่อตลาดจีนลดลงบางส่วน
  • ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่แล้ว SET -0.38 จุด (-0.03%) สู่ระดับ 1386.04 จุด จากความกังวลการลดดอกเบี้ยของสหรัฐที่อาจน้อยกว่าคาด และ FTSE rebalancing โดยกลุ่มที่ปรับตัวดีกว่าตลาดตามลำดับ ได้แก่ กลุ่ม AGRI (5.4%) จากการที่ราคายางปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี กลุ่ม PETRO (4.3%) และกลุ่ม PKG (3.4%) ปรับขึ้นจากความหวังในมาตรการกระตุ้นของจีน
  

18 มีนาคม จีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม  (กุมภาพันธ์) (y-y) คาดว่าอยู่ที่ 5.0% โดยไตรมาสก่อนอยู่ที่ 6.8%
18 มีนาคม ยุโรป เงินเฟ้อ (กุมภาพันธ์) (y-y) คาดว่าอยู่ที่ 2.6% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 2.8%
21 มีนาคม สหรัฐ การประชุมธนาคารกลาง คาดว่ายังไม่มีการเปลี่ยนนโยบาย
22 มีนาคม ญี่ปุ่น เงินเฟ้อ (กุมภาพันธ์) (y-y) คาดว่าอยู่ที่ 2.8% โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 2.0%


 
  • LHHEALTH ในช่วงที่ตลาดอาจจะเผชิญความผันผวนจาก Valuation ของหุ้นที่เริ่มตึงตัวขึ้น จากดัชนีและหุ้นกลุ่ม Tech , AI ที่อยู่ในโซน Overbought แต่หุ้นในกลุ่ม Healthcare มีค่าเบต้าที่ระดับ 0.7 ทำให้มีลักษณะความเป็น Defensive สามารถเผชิญกับความผันผวนของตลาดได้ดี ประกอบกับกำไรกลุ่ม Healthcare คาดว่าจะเติบโตได้ดีในปีนี้ จากอานิสงค์รายได้จากยากลุ่มโรคเบาหวานและลดความอ้วนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง นำโดย Novo Nordisk และ Eli Lilly
Source:LHFUND, LHSEC, CNBC, UOB Kay Hian, Tisco
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ