สรุปภาวะตลาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มเห็นแรงเทขายทำกำไรเล็กน้อย ส่วนหุ้นไทยและหุ้นจีนยังไม่สดใส
เหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
· ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้มีแรงเทขายทำกำไรเล็กน้อย หลังจากที่บริษัทส่วนใหญ่ในตลาดนั้นได้ประกาศผลประกอบการของไตรมาส 4 โดย 483 บริษัทในดัชนี S&P500 นั้นมีผลกำไรโดยเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 7.8% y/y และออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด 7.24% นำโดยกลุ่มอุตสาหกรรม Consumer Discretionary, Financials, Energy และ Health Care แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ อาทิเช่น Consumer Confidence เดือนก.พ., Durable Goods Orders และ New Home Sales เดือนม.ค. นั้นออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ทั้งหมด ซึ่งได้ทำให้นักลงทุนนั้นเริ่มจับตามองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้นกำลังเริ่มมีสัญญาณของการกลับมาชะลอตัวลงหรือไม่
· ดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุนนั้นยังคงปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง โดยดัชนี Nikkei 225 ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 17.04% YTD โดย 224 บริษัทในดัชนี Nikkei 225 ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 โดยมีผลกำไรเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 46.7% y/y และออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดกว่า 12% นำโดยกลุ่มอุตสาหกรรม Utilities, Industrials, Telecom, และ Financials
· ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง ได้มีแรงขายทำกำไรบางส่วนในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดยังมีปัจจัยบวกจากแรงซื้อจากกองทุนของรัฐบาล และระดับ Valuations ของตลาดหุ้นจีนที่ราคาที่ถูกกว่าตลาดโลกเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ดัชนีได้มีการฟื้นตัวกว่า 10% จากจุดต่ำสุด นักลงทุนนั้นยังคงตั้งคำถามกับภาพระยะยาวของเศรษฐกิจจีนที่ยังคงเผชิญกับภาวะเงินฝืด และปัญหาหนี้ในภาคอสังหาฯก็ตาม โดยนักลงทุนจะจับตามองการประชุมใหญ่ของรัฐบาลจีนในเดือนมี.ค. ถึงสัญญาณของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน
· ตลาดหุ้นไทย SET -30.72 จุด (-2.2%) สู่ระดับ 1367.42 จุด จากแรงขายต่างชาติ การปรับลดน้ำหนักจาก MSCI rebalancing และผลประกอบการที่ออกมาดูไม่ดีนัก
4 มี.ค จีน Caixin PMI ภาคบริการ (กุมภาพันธ์) คาดว่าอยู่ที่ 52.9 โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 52.7
5 มี.ค สหรัฐ ISM ภาคบริการ (กุมภาพันธ์) คาดว่าอยู่ที่ 53.3 โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 53.4
6-7 มี.ค สหรัฐ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ แถลงต่อคณะกรรมาธิการการเงินและธนาคาร ของสภาล่าง และสภาสูง
8 มี.ค สหรัฐ ISM การจ้างงานนอกภาคเกษตร (กุมภาพันธ์) คาดว่าอยู่ที่ 188k โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 353k
LHHEALTH ในช่วงที่ตลาดอาจจะเผชิญความผันผวนจาก Valuation ของหุ้นที่เริ่มตึงตัวขึ้น จากดัชนีและหุ้นกลุ่ม Tech , AI ที่อยู่ในโซน Overbought แต่หุ้นในกลุ่ม Healthcare มีค่าเบต้าที่ระดับ 0.7 ทำให้มีลักษณะความเป็น Defensive สามารถเผชิญกับความผันผวนของตลาดได้ดี ประกอบกับกำไรกลุ่ม Healthcare คาดว่าจะเติบโตได้ดีในปีนี้ จากอานิสงค์รายได้จากยากลุ่มโรคเบาหวานและลดความอ้วนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง นำโดย Novo Nordisk และ Eli Lilly
Source:LHFUND, LHSEC, CNBC, UOB Kay Hian, Tisco
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน