สรุปภาวะตลาด
สรุปประเด็นสำคัญประชุม FOMC 13 ธ.ค.
- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินสหรัฐฯ หรือ FOMC มีมติเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.5% ในการประชุมวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่จากภาพคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการ FOMC ผ่าน dot plot พบว่าคณะกรรมการส่งสัญญาณปรับดอกเบี้ยลงมากขึ้นในปีหน้า โดยจากเดิมคณะกรรมการ FOMC มองอัตราดอกเบี้ยปลายปี 2024 จะอยู่ที่ 5.1% ได้มีการปรับประมาณการณ์ลงมาที่ 4.6% สะท้อนว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปีหน้า จากเดิมที่คาดว่าปรับลดเพียง 2 ครั้งเท่านั้น
- ในขณะที่คาดการณ์เศรษฐกิจ คณะกรรมการ FOMC มองว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งและอยู่ในสภาวะสมดุล โดยคาดว่าอัตราการว่างงานในปี 2024-2025 จะอยู่ที่ 3.8% และ 4.1% ตามลำดับ ส่วนการเติบโตของ GDP ของสหรัฐฯคาดว่าจะเติบโตในลักษณะขั้นบันได โดยปี 2024 คาดการณ์ที่ 1.4% (ลดลงเล็กน้อยจากการคาดการณ์เดิมที่ 1.5% ในเดือนกันยายน 2023) ปี 2025 คงที่ที่ 1.8% และปี 2026 คาดที่ 1.9%. ในขณะที่เงินเฟ้อคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลง โดยปี 2024-2026 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.4%, 2.1%, และ 2.0% ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเฟด
- ในช่วงการตอบคำถามหลังการประชุมนาย Jerome Powell ได้ยอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยได้มาถึงจุดพีคแล้ว และเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า โดยในการประชุมครั้งนี้ได้มีการพูดคุยถึง Timing ที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า
- จากข้อมูลดังกล่าว ตลาดตอบรับในเชิงบวกทันที โดยที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวขึ้นราว 1.1% ขณะที่ US Bond Yield 2 ปี ปรับลดลงมาที่ 4.35% ส่วน 10 ปีปรับลดลงมาที่ 3.99% Dollar Index ลดลงมาที่ 102.9
- ในระยะสั้น Fed Fund Future มีการปรับลดลงอีก โดยให้น้ำหนักการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้าอีก 6 ครั้ง หรือ 1.5% จากระดับปัจจุบัน ซึ่งทำให้ Bond Yield และเงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวลงมารุนแรงเมื่อคืนนี้ มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง จากภาพแรงกดดันจาก Yield Gap ที่ดีขึ้น
- ในระยะกลาง การที่นาย Jerome Powell ออกมาพูดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟด โดยไม่ต้องรอให้เกิดความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจก่อนนับเป็นสัญญาณที่ดี โดยอาจทำให้ภาพสถิติย้อนหลังที่ตลาดหุ้นมักปรับตัวลงแรงเมื่อเฟดเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรก อาจไม่เกิดขึ้นในครั้งนี้จากอนิสงค์การ action ahead the curve ของเฟด
กองทุนที่น่าสนใจลงทุน
- #LHGEQ จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าถึงจุดพีคแล้ว โดยการลงทุน ที่เน้นเลือกหุ้นรายตัวที่มีอีตราการเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นผู้นำตลาด ในแต่ละอุตสากรรม ในแต่ละประเทศและมีอัตราส่วนหนี้ต่ำ
- #LHCYBER บริษัทที่มีรายได้จากธุรกิจ Cybersecurity ที่เกี่ยวกับ software และ Cloud ยังมีความน่าสนใจ และมีโอกาสเป็น Megatrend ที่เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง คาดว่ายอดขายในหุ้นกลุ่ม Cyber Security นั้นจะเติบโตในอัตรา 20-25% ในอีกปี 2024