สรุปภาวะตลาด
เหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ดัชนีเงินเฟ้อผู้บริโภค CPI ของสหรัฐฯ เดือนต.ค. นั้นออกมาที่ 0.0% m/m, 3.2% y/y (ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 0.1% m/m, 3.3% y/y และต่ำกว่าเดือนก.ย. ที่ 0.4% m/m, 3.7% y/y) ซึ่งระดับเงินเฟ้อได้มีการปรับตัวลดลง เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยราคาพลังงาน, สินค้า และอาหารได้ปรับตัวลดลงทั้งหมด โดยจะเหลือเพียงภาคบริการ และค่าเช่าบ้าน ที่ยังคงเพิ่มขึ้น y/y ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้น สอดคล้องกับตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิตอย่าง PPI ที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ ตัวเลขของภาคอุตสาหกรรม, ความเชื่อมั่นของตลาดอสังหาฯ, ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในเดือนที่ผ่านมา นั้นออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ทั้งหมด ซึ่งเริ่มเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจ, เงินเฟ้อ และดอกเบี้ยของสหรัฐฯ นั้นได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และธ.กลางสหรัฐฯ นั้นมีโอกาสที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค
- การประชุมระหว่างจีน และสหรัฐฯ ที่ซานฟรานซิสโก ในวันที่ 15-16 พ.ย. นั้นผ่านไปได้ด้วยดี โดยเป็นการพบปะระหว่างปธน. โจ ไบเดน, CEO ของบริษัทสหรัฐฯชั้นนำ และทางสี จิ้นผิง ซึ่งทั้งสองฝ่ายนั้น มีคำสัมภาษณ์ในเชิงบวก โดยทั้งสหรัฐฯ และจีนจะยังคงมีการแข่งขันทางการค้า แต่จะเป็นการแข่งขันที่เป็นธรรม และยังเชิญชวนบริษัทสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในประเทศจีน
- ในส่วนของตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET Index ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.21 จุด (+1.89%) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นการปรับตัวขึ้นจากระดับ Oversold และมีปัจจัยเสริมมาจากการอ่อนค่าของค่าเงิน US Dollar และอัตราดอกเบี้ยในตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งได้ส่งผลทำให้ค่าเงินเอเชีย และค่าเงินบาท ได้มีการแข็งค่ามาแล้วกว่า 5.5% นับจากต้นเดือนต.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 35 THB/USD
- 20 พ.ย. สหรัฐฯ: Leading Index เดือนต.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ -0.6% m/m, (ดีกว่าเดือนก.ย.ที่ -0.7%)
- 21 พ.ย. สหรัฐฯ: Existing Home Sales เดือนต.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 3.9 ล้าน (ต่ำกว่าเดือนก.ย.ที่ 3.96 ล้าน)
- 22 พ.ย. สหรัฐฯ: U. of Michigan Sentiment เดือนพ.ย. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 60.5 จุด (สูงกว่าเดือนต.ค.ที่ 60.4)
- 23 พ.ย. ยุโรป: HCOB Eurozone Manufacturing และ Services PMI
- 24 พ.ย. สหรัฐฯ: S&P Global US Manufacturing PMI เดือนพ.ย. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 49.8 จุด (ต่ำกว่าเดือนต.ค.ที่ 50.0)
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทั่วโลก ได้มีการฟื้นตัวเป็นอย่างมากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่ตลาดเริ่มคาดการณ์แล้วว่า วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้นได้สินสุดแล้ว จากระดับเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และปัจจัยลบจากความเสี่ยงว่า เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะหดตัว (Recession) หรือไม่ในปี 2024 โดยในวัฎจักรดอกเบี้ยขาลงนั้น มักที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีต่อตลาดตราสารหนี้ และหุ้นในกลุ่ม Defensive อาทิเช่น Utility, Health care, Consumer Staplesแนะนำ #LHHEALTH เหมาะกับตลาดทั้งขาลงและขาขึ้น มีสัดส่วนประมาณ 50% ใน pharmaceutical, healthcare services ที่ค่อนข้าง defensive # LHGEQ กระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เน้นลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพดี
ที่มา LHFUND, CNBC, UOB Kay Hian, Bloomberg, ThaiPBS
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน