สรุปภาวะตลาด
เหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลง 2.39% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลงแรง 3.16% ตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET Index ได้ปรับตัวลดลง โดยปรับตัวลดลง 51.40 จุด (-3.54%) โดยตลาดยังคงเผชิญกับแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติ ที่ได้มีการขายหุ้นไทย (16-20 ต.ค.) เป็นจำนวนเงินอีก 4,000 ล้านบาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นการปรับตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปี จากแรงกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวทะลุ 5% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและรัฐบาลจะมีการขายพันธบัตรเพิ่มเติมเพื่อรองรับการขาดดุลที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งแรงกดดันจากการถือครองพันธบัตรของต่างประเทศที่มีการถือครองลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศจีน
- GDP จีน ไตรมาส 3 ปรับขึ้น 4.9% YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 4.5% และปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3% QoQ โดยได้รับอานิสงส์จากภาคการบริการที่ขยายตัวได้ดี โดยขยายตัวกว่า 6.9% YoY ในขณะที่ตัวเลขค้าปลีกปรับเพิ่มขึ้น 5.5% YoY มากกว่าที่ตลาดคาทด 5% ในส่วนของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.5% YoY ในขณะที่ภาคการลงทุนยังคงเติบโตค่อนข้างช้า โดยเติบโต 3.1% YTD โดยได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ยัง -19% YoY ในเดือนกันยายน
- อิสราเอล ออกมาแถลงสนับสนุนทางการฑูตเพื่อให้มีการปล่อยตัวประกันจากฉนวนกาซาอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณการชะลอการโจมตีภาคพื้นดินในพื้นที่ฉนวนกาซา หลังจากกลุ่มฮามาสได้มีการปล่อยตัวประกันชาวอเมริกัน 2 คน โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากองทัพอากาศอิสราเอลได้มีการโจมตีสนามบิน 2 แห่งในซีเรียเพื่อสกัดการส่งอาวุธจากอิหร่าน
- 24 ต.ค. สหรัฐฯ: PMI ภาคการผลิต (เดือนตุลาคม) ตลาดคาดว่าอยู่ที่ระดับ 49.5 โดยเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 49.8
- 25 ต.ค. ไทย: ตัวเลขการส่งออก เดือนกันยายน ตลาดคาดว่าอยู่ที่ระดับ -2% โดยเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 2.6%
- 26 ต.ค. ยุโรป: การประชุมธนาคารกลางยุโรป ตลาดคาดว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้เยที่ระดับ 4.5%
- 26 ต.ค. สหรัฐฯ: GDP 3Q QoQ คาดว่าอยู่ 4.3% โดยไตรมาสก่อนอยู่ที่ระดับ 2.1%
- 27 ต.ค. สหรัฐฯ: PCE Deflator เดือนกันยายน YoY โดยตลาดคาดว่าอยู่ที่ระดับ 3.4% โดยไตรมาสก่อนอยู่ที่ 3.5%
- อัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทั่วโลก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯรุ่นอายุ 10 ปีนั้นทะลุทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 5.0% ในเดือนต.ค. นี้ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากปริมาณการออกพันธบัตรใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม เรามองว่าตัวเลขเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหรัฐฯ นั้นยังคงมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4 นั้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรไม่น่าสูงขึ้นได้อีกมาก
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นยังคงมีแนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาส 3 และ 4 ที่โดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะกลุ่ม Technology ขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ยังคงมีการเติบโตของรายได้จากธุรกิจอย่าง AI, Cloud และ Data Center ต่างๆ ในขณะที่บริษัทได้มีการลดพนักงานลง และไม่ได้มีปัญหาขาดแคลนแรงงานเหมือนในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น
- ตลาดหุ้นไทย ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ โดยทางเรายังคงมีมุมมองว่าถ้าหากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ นั้นได้ผ่านจุดสูงสุด จากเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวลง นั้นจะทำให้แรงซื้อของค่าเงินบาท และสินทรัพย์ในประเทศไทย นั้นจะกลับมาอีกครั้ง ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลชุดใหม่ นั้นจะสามารถเป็น Upside สำหรับตลาดหุ้นไทยได้
กองทุนแนะนำ
- LHGEQ : กระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เน้นลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพดี มีหนี้สินต่ำ เป็นผู้นำในตลาด มีกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในระยะถัดไปคาดว่าตลาดหุ้นยังเป็น sideway up จากดอกเบี้ยทั่วโลกที่ใกล้ระดับสูงสุดแล้ว
- LHHEALTH : เหมาะกับตลาดทั้งขาลงและขาขึ้น มีสัดส่วนประมาณ 50% ใน pharmaceutical, healthcare services ที่ค่อนข้าง defensive สิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ อายุที่เพิ่มขึ้น หรือ รายได้เพิ่มขึ้น และอีก 50% ในกลุ่ม healthcare เช่น biotech , life sciences, healthcare equipment ที่มี growth สูง ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
- LHESPORT : การเติบโตของรายได้ที่สม่ําเสมอ บริษัทวิดีโอเกมมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาโดย กระจายไปทั่วแพลตฟอร์มและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ตอนนี้เป็นเปอร์เซ็นต์ที่ใหญ่ที่สุดของรายได้จากเกมทั่วโลก ใหญ่กว่าทั้งพีซีและคอนโซล
ที่มา LHFUND, CNBC, Investing.com, Bloomberg
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน