สรุปภาวะตลาด
ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส
เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา กลุ่มติดอาวุธฮามาสในปาเลสไตน์เปิดฉากโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัว โดยมีการระดมยิงจรวดหลายพันลูกจากฉนวนกาซา พร้อมทั้งส่งกองกำลังติดอาวุธหลายสิบคนแทรกซึมเข้าไปโจมตีในหลายเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอล พร้อมจับตัวประกันไว้หลายคน ทั้งนี้ภายหลัง โฆษกกลุ่มฮามาส อ้างเหตุผลว่าการโจมตีครั้งนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้ต่อความโหดร้ายทั้งหมดที่ชาวปาเลสไตน์ต้องเผชิญจากอิสราเอลตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการกระทำของกองกำลังอิสราเอลที่บุกมัสยิดอัล-อักซอ ในนครเยรูซาเล็ม อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม และการปฏิบัติที่เลวร้ายต่อนักโทษปาเลสไตน์ในเรือนจำอิสราเอล ขณะที่ผู้นำอิสราเอลระบุว่า เวลานี้ประเทศอิสราเอลอยู่ในภาวะสงครามแล้ว และจะแก้แค้นครั้งใหญ่ ซึ่งเริ่มตอบโต้โจมตีเป้าหมายกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา นอกจากนี้ อิหร่าน (ซึ่งสนับสนุนปาเลสไตน์) ได้ออกมากล่าวว่าการกระทำของกลุ่มฮามาส ในครั้งนี้เป็นกระบวนการป้องกันตนเองโดยชาวปาเลสไตน์เท่านั้น
มุมมอง
- โดยจากข้อมูลย้อนหลังในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา มีความขัดแย้งทั้งหมด 3 ครั้ง ในปี 2012 2014 และ 2021 โดยทั้ง 3 ครั้ง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโลกมากนัก เนื่องจากเป็นสงครามที่มีการจำกัดอยู่ในพื้นที่และไม่ได้ขยายวงกว้างออกไป อีกทั้งอิสราเอลไม่ได้มีบทบาทต่อห่วงโซ่อุปทานโลกมากนัก สิ่งที่ต้องจับตาต่อจากนี้ว่าสถานการณ์ความรุนแรงจะบานปลายไปสู่สงครามในภูมิภาคหรือไม่ แต่ในปัจจุบันสถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นนั้น
- จากการที่อิหร่านเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มฮามาส อาจทำให้ฝั่งสหรัฐฯมีการ Sanction เพิ่มเติม ซึ่งอิหร่านเป็นตัวเพิ่มอุปทานน้ำมันในปีนี้ เทียบกับ OPEC ประเทศอื่นๆที่มีการลดอุปทานลงหากมีการ Sanction อิหร่านจากทางสหรัฐฯ จึงเพิ่มโอกาสที่ราคาน้ำมันจะสามารถยืนราคาในระดับสูงได้ในปีนี้