สรุปภาวะตลาด
หุ้นไทยไปทิศทางไหนหลังได้รัฐบาล
ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี 2566 ปรับตัวลดลงราว -6.3% สวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในรอบระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทย ท่ามกลางความคาดหวังเรื่องสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลักๆเป็นผลมาจากปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจลดความเสี่ยงในการลงทุนในประเทศไทยออกไป (ขายสุทธิกว่าหนึ่งแสนล้านบาท) เพื่อเฝ้ารอดูสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้เมื่อรวมไปถึงปัจจัยความเสี่ยง และ ปัญหาเฉพาะตัวซึ่งเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนของไทยหลายบริษัทช่วงต้นปี ทำให้สภาวะตลาดในภาพรวมยังคงผันผวนค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมาของปี ทั้งนี้เมื่อรวมไปถึงผลประกอบการของตลาดหุ้นไทยที่ฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์หลังจากการที่บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่หลายแห่งของไทยมีผลประกอบการคล้อยไปกับเศรษฐกิจโลก ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกนี้นั้นพบเจอกับความกังวลมากมาย อาทิเช่น ความมั่นคงของระบบธนาคารพาณิชย์ในทวีปยุโรปและอเมริกา วิกฤติอสังหาริมทรัพย์ในหลายประเทศ รวมไปถึงการลดสินค้าคงคลังในหลายอุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยงต่อการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลลบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน แต่อย่างไรก็ตามผลประกอบการในบางบริษัทที่ได้รับปัจจัยเกื้อหนุนจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นนั้นยังคงมีการเติบโตของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นซึ่งรวมไปถึงธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับผลบวกจากการที่ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทำให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยรับ-จ่ายของธนาคารพาณิชย์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มุมมอง
มองไปข้างหน้าปัจจัยที่ต้องติดตาม หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นนั้น ทางทีมการลงทุนยังคงมองว่าพัฒนาการณ์เรื่องการเมืองจะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่จะส่งผลทำให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี ไปพร้อมๆกับปัจจัยอื่น เช่น
- การหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะหนุนค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และมีเงินทุนไหลกลับเข้าลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging market)
- การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและการกลับมาสั่งสินค้าของประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อภาคส่งออกของไทยให้ฟื้นตัว
- การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจากการเลือกตั้งชุดใหม่
- จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังตามรอบฤดูกาลท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามเรายังคงมุมมองระมัดระวังและมองว่าปัจจัยเรื่องการเมืองจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดในระยะสั้นๆ หลักๆจากเสถียรภาพของรัฐบาลที่มีโครงสร้างประกอบไปด้วยพรรคการเมืองจำนวนหลายพรรค
โดยกลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลัง 2566 และปี 2567: ยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นรายตัว (Stock Selection) ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ มีแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยถึงแม้ผู้จัดการกองทุนได้มีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตามสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนมากขึ้น โดยให้น้ำหนักการลงทุนกับกลุ่มที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคและการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศในระยะสั้นๆ เช่น กลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ ไฟแนนซ์ กลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภคของเศรษฐกิจฐานราก แต่ก็มีการปรับสมดุลพอร์ทการลงทุน โดยลงทุนในกลุ่มซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายสนับสนุนของรัฐบาลเพื่อการขับเคลื่อนประเทศในระยะยาว เช่น กลุ่ม นิคมอุตสาหกรรม, ท่องเที่ยว, การแพทย์ ทั้งนี้เรายังคงแนะนำให้ทยอยลงทุนในกองทุน LHGROWTH และ LHSTRATEGY เพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน