สรุปภาวะตลาด
FOMC ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามตลาดคาด เป็น 5.25-5.50% แตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินสหรัฐฯ หรือ FOMC มีมติเอกฉันท์ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 5.25%-5.50% การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 11 นับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม ปี 2565 ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดแถลงว่า เฟดจะตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในการประชุมแต่ละครั้งแยกกัน โดยจะพิจารณาข้อมูลทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด แต่มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่ Goldman Sachs ให้ความเห็นว่าถ้อยแถลงของเฟดไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต
มุมมอง
- ถึงแม้ว่าภาพถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล จะไม่ได้ส่งสญญาณในการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่จากภาพตลาดที่คาดการณ์ว่าการประชุมครั้งต่อไปของคณะกรรมการ FOMC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 กันยายน ตลาดให้ความน่าจะเป็น 78% ที่มองว่าคณะกรรมการ FOMC จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% และให้ความน่าจะเป็น 22% ที่คณะกรรมการ FOMC จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็นระดับ 5.50-5.75% โดยตลาดคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ไปจนตลอดปีที่เหลือของปีนี้ และจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรามาส 1 ของปีหน้า
- ในขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนชะลอตัวลง โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลงเหลือ 3.0% จากระดับสูงสุดในเดือนพฤษภาคมที่ 4.0% นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงต่อเนื่อง ทำให้แรงกดดันในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง จากภาพดังกล่าวทำให้มองว่าแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการ FOMC ถึงแม้ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือนกันยายน แต่มีโอกาสค่อนข้างจำกัด
จากแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่มีโอกาสถึงจุดพีคแล้ว อีกทั้งแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดหลักที่เฟดใช้ประกอบการพิจารณาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งสัญญาณชะลอตัวลง จึงเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่ม Growth แนะนำกองทุน #LHGEQ และ #LHCYBER
Source : Investing.com, CNBC, Bloomberg, Bangkokbiznews
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน