สรุปภาวะตลาด


"GDP สหรัฐฯไตรมาส 1 ขยายตัวน้อยกว่าคาด ในขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาด"

ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีการรายงานตัวเลข GDP สหรัฐฯ 1Q66 ขยายตัว 1.1% QoQ ซี่งลดลงจาก 4Q65 ที่ขยายตัว 2.6% QoQ และขยายตัวต่ำกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ที่ 1.9% QoQ สะท้อนภาพการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ในขณะที่ตัวเลข Core PCE 1Q66 มีการขยายตัว 4.9% QoQ โดยเร่งตัวขึ้นจาก 4Q65 ที่ขยายตัว 4.4% และยังสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 4.7% สะท้อนภาพปัญหาเงินเฟ้อที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ความเสี่ยงในการเกิด Recession ในสหรัฐฯมีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ตัวเลขการส่งออกไทยใน 1Q66 -4.2% YoY ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดที่ -14.7% YoY ถึงแม้ตัวเลขจะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แต่ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนนักเนื่องจากดัชนี Global PMI ของภาคการผลิตยังคงชะลอตัวอีกทั้งดัชนียอดคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าส่งออกทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 จุด ทำให้แนวโน้มการส่งออกยังคงไม่สดใสนัก

- 30-Apr ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือนเมษายน ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 51.4 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 51.9
- 1-May ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนเมษายนจากสถาบัน ISM ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 46.6 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 46.3
- 3-4 May ติดตามการประชุมคณะกรรมการ Fed โดยตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25%

- ระยะสั้น ตลาดยังคงเผชิญความผันผวนจากภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบกับภาพเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
- ระยะกลางยาว ยังคงมุมมองว่าการปรับตัวลงของตลาด จะเป็นโอกาสในการสะสม อันเนื่องมาจากความเสี่ยงในแง่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่ค่อนข้างจำกัด
- หุ้นไทย การกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง จะเป็นแรงหนุนให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น เป็นผลดีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน แนะนำกองทุน LHSTRATEGY ที่จะลดความเสี่ยงในตลาดขาลง แนะนำทยอยสะสมเมื่อดัชนีปรับตัวลง
- หุ้นจีน จากการกลับมาเปิดประเทศของจีนทำให้แนวโน้มการขยายตัวของ GDP ในปี 2566 อยู่ที่ระดับ 5.2% (คาดการณ์โดย IMF) เทียบกับปีที่แล้วที่เติบโตเพียง 3% ประกอบกับนโยบายการเงินของจีนที่ค่อนข้างผ่อนคลายสวนทางกับประเทศอื่นๆที่มีนโยบายการเงินที่ตึงตัว จึงแนะนำกองทุน LHCHINA ตามแนวโน้มการกลับมาเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้
ที่มา LH Fund, Ryt9 30 เม.ย. 66
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
