สรุปภาวะตลาด
"เงินเฟ้อยังคงอยู่ มุมมอง FED กับตลาดไม่สอดคล้องกัน ลงทุนอย่างไรดี"
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐ ปรับตัวชะลอลงอยู่ที่ระดับ 5% ในเดือนมีนาคม ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2021 และลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ระดับ 6% อีกทั้งยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 5.2% ราคาอาหารเติบโตลดลงที่ระดับ 8.5% จากที่เติบโตระดับ 9.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ และราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลง 6.4% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ไม่รวมอาหารและพลังงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 5.6% เทียบกับระดับ 5.5% ในเดือนก่อนหน้า จากค่าเช่าที่พักอาศัยที่คิดเป็นน้ำหนักประมาณ 30% ของตะกร้าเงินเฟ้อพื้นฐาน ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคมที่ระดับ 8.2% เทียบกับ 8.1% ในเดือนก่อนหน้า ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับตัวลง แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้มุมมองตลาดและ FED มีมุมมองเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สวนทางกัน
- จากการประชุม FED รอบล่าสุด คณะกรรมการ FED ยังคงมุมมองอัตราดอกเบี้ยสิ้นปี 2023 ที่ระดับ 5-5.25% จากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังอยู่ในระดับสูง
- ในขณะที่ตลาดมองอัตราดอกเบี้ยสิ้นปี 2023 ที่ระดับ 4.5-4.75% (อ้างอิงจาก: Bloomberg Consensus)
มุมมอง
- Fed มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงไปจนถึงปลายปี หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อไป
- ในระยะสั้นตลาดยังคงมีความผันผวนจากภาพที่ตลาดมองอัตราดอกเบี้ยสิ้นปี 2023 ไม่สอดคล้องกับมุมมองคณะกรรมการ Fed
- ในระยะยาวคงมุมมองว่าการปรับตัวลงของตลาดจะป็นโอกาสในการทยอยสะสมหากนักลงทุนสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ เพราะแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED เข้าใกล้จุดพีคแล้ว
กองทุนที่น่าสนใจลงทุน
- LHSEMICON (สำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง): จากการที่จีนกลับมาเปิดประเทศ ทำให้ความต้องการสินค้าในกลุ่มโทรศัพท์มือถือและรถยนต์ EV มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งจีนยังเป็นประเทศที่มีการใช้ semiconductor กว่า 60% ของทั้งโลก
- LHSTRATEGY (สำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง): พอร์ตลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีลักษณะเป็น Low Beta (มีความผันผวนต่ำ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในสภาวะตลาดที่มีการเผชิญความผันผวนที่ค่อนข้างสูง
ที่มา CNBC, Investing, Bloomberg, LH Fund
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน