สรุปภาวะตลาด


“คาดตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงมีแนวโน้มชะลอความร้อนแรง เพื่อรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ”

ตลาดหุ้นหลักยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ไม่มากเท่าช่วง 3 สัปดาห์ก่อนหน้า แสดงถึงความไม่แน่นอนที่ยังสูงในตลาดหุ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 และ 10 ปี ทรงตัวที่ 4.2% และ 3.5% ตามลำดับ เช่นเดียวกับ Dollar Index ที่ทรงตัวที่ 102 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงหลังกลุ่มธนาคารมีผลประกอบการที่ผิดคาดค่อนข้างมากจากการขาดทุนชั่วคราวของเงินลงทุน (เนื่องจากราคาพันธบัตรลดลง) และความกังวลด้านคุณภาพสินเชื่อ เราคาดว่าเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นจะลดความกังวลต่อ NPL ของกลุ่มธนาคาร ส่วน bond yield ที่มีแนวโน้มลดลง จะทำให้กำไรจากการลงทุนดีขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา LHTPROP ที่เราแนะนำเป็นครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 7% เช่นเดียวกับ LHVN ที่เพิ่มขึ้น 4% โดยทั้ง 2 กองทุน เป็นหนึ่งใน กองทุนแนะนำประจำเดือนมกราคม ของเรา

- ผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ของบริษัทต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศจะเข้าสู่บริษัทกลุ่มเทคโนโลยี เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะมีผลต่อกองทุน LHDIGITAL, LHGEQ, LHSEMICON เป็นต้น ส่วนของไทยจะเริ่มเข้าสู่กลุ่ม Real sector โดยเฉพาะในช่วงปลายต้นเดือนกุมภาพันธ์
- Core PCE ของสหรัฐฯ (เดือนธันวาคม) หากสูงกว่าคาดที่ 0.3% mom อาจกดดันตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง
- GDP ไตรมาส 4/2565 ของสหรัฐฯ หากน้อยกว่าคาดที่ 2.6% yoy จะกดดันตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง

- ระยะสั้น คาดว่าตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงมีแนวโน้มชะลอความร้อนแรงลง เพื่อรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงจะเคลื่อนไหวตามผลประกอบการบริษัทเป็นหลัก
- ระยะกลางยาว ด้วยตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลงแรงในปีที่แล้วจนทำให้ Valuation ลดลงค่อนข้างมาก จึงแนะนำทยอยสะสมเมื่อตลาดปรับตัวลง เนื่องจากดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงในครึ่งปีหลัง
- หุ้นไทย แม้กลุ่มธนาคารงบ Q4/2565 ผิดคาดไปมาก แต่คาดว่าจะกลับมาดีขึ้นใน 1H/2566 อย่างไรก็ดีด้วย SET Index ระดับใกล้ 1,700 จุด เราจึงแนะนำ LHSTRATEGY ที่จะลดความเสี่ยงในตลาดผันผวน แต่ชนะตลาดในขาขึ้นได้
- หุ้นเวียดนาม แนะนำทยอยลงทุนระยะยาว 5 ปี ขึ้นไป สำหรับกองทุน LHVN เพื่อเติบโตไปกับเศรษฐกิจเวียดนาม
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่มีแนวโน้มลดลง ช่วยหนุนการลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางยาว เราแนะนำกองทุน LHGINCOME รวมถึง Property funds, REITs และ Infrastructure funds เราแนะนำเป็นกองทุน LHTPROP
ที่มา LHFUND, CNBC, Investing, Reuters 22 ม.ค. 66
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

