สรุปภาวะตลาด
“ลุ้นจีนทยอยเปิดประเทศ หนุนเศรษฐกิจโลกไม่ชะลอลงแรง”
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงร้อนแรงหลังยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm Payrolls) เดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่ง สูงกว่าคาด นำโดยภาคบริการเช่น Leisure และ Hospitality ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับค่าจ้างรายชั่วโมงที่เพิ่มขึ้น 0.6% mom เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเทียบกับคาดการณ์ ส่วน Core PCE เพิ่มขึ้น 0.2% mom น้อยกว่าคาด
ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นนำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ S&P500 และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.7% และ 3.7% ตามลำดับ ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามเพิ่มขึ้นแรง 10.6% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เช่นเดียวกับตลาดหุ้นจีนโดยเฉพาะ H-Shares ที่เพิ่มขึ้นกว่า 10% รับปัจจัยบวกการเปิดประเทศ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 และ 10 ปี ลดลงจากสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ 4.3% และ 3.5% ตามลำดับ ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 104 จุด
- การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น S&P Global PMI (คาดชะลอลงเป็น 46.3 จาก 48.2 ในเดือนก่อน), ISM Manufacturing PMI (คาด 53.1) และดัชนีเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) (คาด 0.2% mom)
- ระยะสั้น คาดสินทรัพย์เสี่ยงยังผันผวนและเคลื่อนไหว sideway หลังขายปัจจัยหนุนใหม่ๆ ทั้งนี้จากการที่ Greed and Fear Index ปรับขึ้นมาอยู่ในโซน Extreme Greed ดังนั้นหากต้องการเข้าลงทุนเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นควรทำด้วยความระมัดระวังมากขึ้น เพราะ upside อาจจำกัดหลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงร้อนแรงจนอาจทำเงินเฟ้อจากค่าจ้างแรงงาน (wage inflation) ยังกดดันให้ FED ต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องแม้เศรษฐกิจจะเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง
- ระยะกลางยาว มองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมกองทุนหุ้น ทั้งกองทุนรวมหุ้น และ SSF, RMF เนื่องจากธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลงเพื่อรับมือเศรษฐกิจชะลอตัว
- การทยอยเปิดประเทศของจีนหากทำได้จริงอาจช่วยให้เศรษฐกิจโลกไม่ชะลอลงแรง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่อาจไม่ต้องปรับลดคาดการณ์ลงรุนแรง
- หุ้นไทย น่าสนใจลงทุนด้วยวัฏจักรเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวต่อเนื่องในปีหน้าหนุนโดยนักท่องเที่ยวต่างชาติและการบริโภค
- หุ้นเวียดนาม คาดจะกลับมาเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานที่ยังมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หลังตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ กลับมามีชื่ออยู่ใน WEF อีกครั้ง อย่างไรก็ตามอาจเห็นการขายทำกำไรในระยะสั้นหลังเพิ่มขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา
- LHSTRATEGY เน้นลงทุนหุ้นไทย โดยมุ่งหวังป้องกันความเสี่ยงขาลงแต่ทำผลตอบแทนที่ดีได้ในตลาดขาขึ้น
- LHVN ลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนระยะยาวในหุ้นเวียดนามที่คาดรายได้และกำไรเติบโตสูงต่อเนื่อง
- LHDIVB หุ้นสหรัฐฯ ปันผลสูง และ/หรือ ซื้อหุ้นคืนสูง เหมาะกับการลงทุนช่วงตลาดผันผวน
- LHCYBER หุ้นโลกที่ได้ประโยชน์จากความต้องการด้าน cybersecurity ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว
ที่มา LHFUND, Bloomberg, CNBC, Investing 5 ธ.ค. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน