สรุปภาวะตลาด


"เงินเฟ้อสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ลุ้นตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงไปต่อ"

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยอยู่ที่ 0.4% และ 0.3% mom ตามลำดับ เงินเฟ้อที่ลดลงได้แรงหนุนจากกลุ่ม Utilities (gas price), รถมือสอง และ Medicare services ที่ลดลงเทียบเดือนก่อนหน้า ขณะที่เงินเฟ้อจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ยังเพิ่มขึ้น 0.8% mom มากกว่าเดือนก่อนหน้า

ผลจากเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (“Bond yield”) สหรัฐฯ ทั้งรุ่นอายุ 2 และ 10 ปี ลดลงแรงมาอยู่ที่ 4.3% และ 3.8% หลังเคยขึ้นไปถึงระดับ 4.7% และ 4.2% ตามลำดับ ขณะที่ Dollar Index อีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันตลาดในช่วงที่ผ่านมาอ่อนตัวลงแรง มาอยู่ที่ 106 จุด จาก 113 จุดในช่ววงต้นเดือนพฤศจิกายน Bond yield และ Dollar Index ที่อ่อนตัวลงเร็วช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ นำโดยดัชนี Nasdaq ที่เพิ่มขึ้น 8% และ S&P500 เพิ่มขึ้นเกือบ 6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

- ดัชนีเงินเฟ้อผู้ผลิต (“PPI”) ทั่วไปและพื้นฐานของสหรัฐฯ เดือนตุลาคม หากน้อยกว่าคาดจะหนุนสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป
- ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ เช่นยอดสร้างบ้านใหม่ และยอดขายบ้านมือสอง หากอ่อนตัวมากกว่าคาด จะช่วยยืนยันว่าเงินเฟ้อจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มลดลงในอนาคต
- ความเห็นของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (“FED”) โดยเฉพาะนายเจมส์ บุลลาร์ด หากเป็นไปในแนวโน้มที่แม้จะขึ้นดอกเบี้ย แต่ขึ้นด้วยอัตราเร่งที่ลดลง จะเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง

- ระยะสั้นตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอาจถูกทำกำไรระยะสั้น แต่เป็นโอกาสทยอยลงทุน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ขณะที่ Bond yield และ Dollar Index อ่อนตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่ผลการเลือกตั้งกลางเทอมที่มีแนวโน้มไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากได้ทั้ง 2 สภา จะทำให้รัฐบาลผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ยากขึ้น หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง จะกดดันให้ FED ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดดอกเบี้ย หรือชะลอการลดสภาพคล่อง (“QT”) โดยยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือนตุลาคมจะเป็นปัจจัยบอกความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ระยะกลางยาวมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมกองทุนหุ้น ทั้งกองทุนรวมหุ้น และ SSF, RMF เนื่องจากธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง
- การกระจายความเสี่ยงด้วยการหุ้นไทยที่เศรษฐกิจโตต่อเนื่องในปีหน้าจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการบริโภค และหุ้นเวียดนามที่แม้ผันผวนสูงระยะสั้นแต่เศรษฐกิจ รายได้ และกำไรเติบโตสูง และ valuation ไม่แพง มีความน่าสนใจ โดยกองทุนแนะนำเช่น
- LHSTRATEGY เน้นลงทุนหุ้นไทย โดยมุ่งหวังป้องกันความเสี่ยงขาลงแต่ทำผลตอบแทนที่ดีได้ในตลาดขาขึ้น
- LHVN ลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนระยะยาวในหุ้นเวียดนามที่คาดรายได้และกำไรเติบโตสูงต่อเนื่อง
- LHDIVB หุ้นสหรัฐฯ ปันผลสูง และ/หรือ ซื้อหุ้นคืนสูง เหมาะกับการลงทุนช่วงตลาดผันผวน
- LHCYBER หุ้นโลกที่ได้ประโยชน์จากความต้องการด้าน cybersecurity ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว
ที่มา LHFUND, Bloomberg, CNBC, Investing 13 พ.ย. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

