สรุปภาวะตลาด


“สัปดาห์นี้ติดตามเงินเฟ้อและผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ”

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (“FED”) ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% มาอยู่ที่ 3.75% - 4.00% ตามตลาดคาด แต่ประธาน FED ส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุด (“Terminal Rate”) อาจมากกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ สวนทางกับคาดการณ์ของนักลงทุน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (“ECB”) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลงในการประชุมครั้งถัดไป ส่วนการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ อยู่ที่ 261,000 ตำแหน่ง มากกว่าคาดการณ์ มีแนวโน้มทำให้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นสูงต่อไปอีกระยะ

ผลจากการที่ประธาน FED ส่งสัญญาณว่า Terminal rate อาจสูงกว่าคาดของนักลงทุนและการขายทำกำไรระยะสั้นทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแรง โดย S&P500 และ Nasdaq ลดลง 3.4% และ 5.6% ตามลำดับ อย่างไรก็ดีนักลงทุนคาดว่า FED มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่า 0.75% ในครั้งถัดๆ ไป เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงและเงินเฟ้อมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 110 จุด

- ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ที่เลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. จำนวน 435 และ 35 เสียง ตามลำดับ ผลการสำรวจคาดว่าจะออกมาในรูปแบบ Divided Congress โดยพรรคเดโมแครตยังรักษาเสียงข้างมากในส.ว. ไว้ได้ แต่จะเสียเสียงข้างมากในส.ส. ให้พรรครีพับลิกัน ซึ่งมีแนวโน้มทำให้กฎหมายต่างๆ ผ่านจากสภาได้ยากขึ้น
- เงินเฟ้อพื้นฐานและเงินเฟ้อทั่วไปเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ (คาด 0.5% และ 0.7% mom ตามลำดับ) ซึ่งหากเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าหรือต่ำกว่าคาด จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ

- ระยะสั้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจเกิด bear market rally ได้อีกครั้ง หากเงินเฟ้อเดือนตุลาคม (ประกาศ 10 พ.ย.) ลดลงจากเดือนก่อนหน้าหรือต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งจะทำให้ Dollar Index และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ดีอาจเร็วเกินไปที่เงินเฟ้อจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
- ระยะกลางยาวมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมกองทุนหุ้น ทั้งกองทุนรวมหุ้น และ SSF, RMF เนื่องจากธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง ปัจจัยบวกในเดือนพ.ย. คือการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีในช่วง 3-12 เดือนหลังเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ
- การกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในหุ้นไทยที่เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องในปีนี้และปีหน้าจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการบริโภค ขณะที่หุ้นเวียดนามแม้ผันผวนสูงระยะสั้นแต่เป็นโอกาสทยอยลงทุนสำหรับผู้ลงทุนระยะยาว 3-5 ปี ขึ้นไป เนื่องจากเศรษฐกิจ รายได้ และกำไรเติบโตสูง และ valuation ไม่แพง โดยกองทุนแนะนำเช่น?
- LHSTRATEGY เน้นลงทุนหุ้นไทย โดยมุ่งหวังป้องกันความเสี่ยงขาลงแต่ทำผลตอบแทนที่ดีได้ในตลาดขาขึ้น
- LHVN ลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนระยะยาวในหุ้นเวียดนามที่คาดรายได้และกำไรเติบโตสูงต่อเนื่อง
- LHDIVB หุ้นสหรัฐฯ ปันผลสูง และ/หรือ ซื้อหุ้นคืนสูง เหมาะกับการลงทุนช่วงตลาดผันผวน
- LHCYBER หุ้นโลกที่ได้ประโยชน์จากความต้องการด้าน cybersecurity ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว
ที่มา LHFUND, Bloomberg, CNBC, Investing 6 พ.ย. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

