สรุปภาวะตลาด


"ลุ้นผลการประชุม FED อาจมีถ้อยแถลงบ่งบอกว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลงในเดือนธันวาคม"

เศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนขึ้น ดังจะเห็นได้จากดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน (Core PCE) เดือนตุลาคมเพิ่ม 0.5% mom (เป็นไปตามคาด) และการที่ Pending home sale ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ S&P Composite PMI เดือนตุลาคมที่ต่ำกว่าคาดการณ์ค่อนข้างมาก ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณจากธนาคารกลางอื่นๆ ที่ชี้ว่าการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วจะลดลง ดังจะเห็นได้จากธนาคารกลางแคนาดาที่ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ต่ำกว่าคาดที่ 0.75% รวมถึงถ้อยแถลงของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ลดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อลง

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% - 4% นำโดย S&P500 และ Dow Jones หลังตลาดเริ่มให้น้ำหนักว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่า 0.5% ในเดือนธันวาคม จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและเงินเฟ้อมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่หุ้นกลุ่มGrowth เช่น Facebook และ Amazon ปรับตัวลงแรงจากรายได้และกำไร รวมถึง outlook ที่แย่กว่าคาด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 และ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 4.4% และ 4.0% ตามลำดับ ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าต่อเนื่องมาอยู่ที่ 110 จุด หากยังอ่อนค่าต่อเนื่องจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงแรงต่อเนื่องหลังสี จิ้น ผิง กระชับอำนาจ และยังคงมีการปิดเมืองเพื่อควบคุมการระบาดของโควิดต่อไป

- ผลการประชุม FED วันที่ 2 พฤศจิกายน คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% แต่อาจมีถ้อยแถลงบ่งบอกว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลงในเดือนธันวาคม
- ตำแหน่งงานว่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต และค่าจ้างรายชั่วโมงของสหรัฐฯ หากต่ำกว่าคาดจะยืนยันว่าเงินเฟ้อและเศรษฐกิจลดความร้อนแรงลงแล้ว

- ระยะสั้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจเกิด bear market rally ต่อไปได้ อย่างไรก็ตามคาดตลาดหุ้นยังผันผวนสูง ติดตามผลการประชุมกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นสำคัญ
- ระยะกลางยาวมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสม ทั้งกองทุนรวมหุ้น และ SSF, RMF เนื่องจาก FED มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลงหลังจากนี้ ปัจจัยบวกในเดือนพฤศจิกายนคือการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักปรับตัวเพิ่มขึ้น 3-6 เดือนหลังจากนั้น หุ้นไทยยังน่าลงทุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการบริโภค รวมถึงยัง laggard และ valuation ไม่แพง กองทุนแนะนำเช่น
- LHSTRATEGY เน้นลงทุนหุ้นไทย โดยมุ่งหวังป้องกันความเสี่ยงขาลงแต่ทำผลตอบแทนที่ดีได้ในตลาดขาขึ้น
- LHVN ลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนระยะยาวในหุ้นเวียดนามที่คาดรายได้และกำไรเติบโตสูงต่อเนื่อง
- LHDIVB หุ้นสหรัฐฯ ปันผลสูง และ/หรือ ซื้อหุ้นคืนสูง เหมาะกับการลงทุนช่วงตลาดผันผวน
- LHCYBER หุ้นโลกที่ได้ประโยชน์จากความต้องการด้าน cybersecurity ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว
ที่มา LHFUND, Bloomberg, CNBC, Investing 30 ต.ค. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

