สรุปภาวะตลาด


“ติดตามผลประกอบการกลุ่มเทคโนโลยีและ Core PCE เดือนกันยายนของสหรัฐฯ
จะช่วยหนุนตลาดหุ้นได้หรือไม่?”

ยอดสร้างบ้านใหม่และยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐฯ ที่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าแสดงให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ เริ่มชะลอความร้อนแรงลง ทำให้กรรมการ FED เริ่มมองว่าอาจขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่า 0.75% ในเดือนธันวาคม

VIX Index ปรับตัวลงเหลือ 30 และ Greed & Fear Index ปรับขึ้นมาอยู่ในโซน Neutral ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% - 2.0% หลังตลาดเริ่มให้น้ำหนักว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่า 0.5% ในเดือนธันวาคมตามถ้อยแถลงของ James Bullard ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 ทรงตัวที่ 4.5% และอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.2% และ Dollar Index อยู่ที่ 112 ตามลำดับ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 1.2% ส่วนตลาดหุ้นเวียดนามลดลงแรงราว 7% จากความกังวลเกี่ยวกับบริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เพิ่มเติม

- ยอดขายบ้านใหม่, Core PCE เดือนกันยายนของสหรัฐฯ หากต่ำกว่าคาดจะลดแรงกดดันการขึ้นดอกเบี้ยของ FED
- GDP ไตรมาส 3/2565 และผลการประมูลพันธบัตรอายุ 2 ปี หากต่ำกว่า 4.3% ในครั้งก่อนอาจช่วยลดการปรับตัวขึ้นของพันธบัตรอายุ 2 ปีได้ เพราะแสดงว่านักลงทุนเริ่มสนใจเข้าลงทุนพันธบัตรมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันตลาดหุ้น
- ผลประกอบการณ์ไตรมาส 3/2565 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเช่น Google, Microsoft, Apple, Facebook และกลุ่มอื่นๆ เช่น Amazon, Visa, Mastercard และ Berkshire Hathaway เป็นต้น

- ระยะสั้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจเกิด bear market rally ทั้งนี้ขึ้นกับผลประกอบการณ์บริษัทกลุ่มเทคโนโลยีและคาดการณ์ของผู้บริหาร รวมถึง core PCE เดือนกันยายน อย่างไรก็ตามคาดตลาดหุ้นยังผันผวนสูง โดยเฉพาะช่วงเข้าใกล้ประชุม FED ในวันที่ 2 พฤศจิกายน และก่อนเลือกตั้งกลางเทอม รวมถึงผลของความสัมพันธ์กับจีนหลัง สี จิ้น ผิง ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีก 5 ปี
- ระยะกลางยาวมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสม ทั้งกองทุนรวมหุ้น และ SSF, RMF เนื่องจาก FED มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลงหลังจากนี้ ปัจจัยบวกในเดือนพฤศจิกายนคือการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักปรับตัวเพิ่มขึ้น 3-6 เดือนหลังจากนั้น หุ้นไทยยังน่าลงทุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการบริโภค รวมถึงยัง laggard และ valuation ไม่แพง กองทุนแนะนำเช่น
- LHSTRATEGYเน้นลงทุนหุ้นไทย โดยมุ่งหวังป้องกันความเสี่ยงขาลงแต่ทำผลตอบแทนที่ดีได้ในตลาดขาขึ้น
- LHVN ลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนระยะยาวในหุ้นเวียดนามที่คาดรายได้และกำไรเติบโตสูงต่อเนื่อง
- LHDIVB หุ้นสหรัฐฯ ปันผลสูง และ/หรือ ซื้อหุ้นคืนสูง เหมาะกับการลงทุนช่วงตลาดผันผวน
- LHCYBER หุ้นโลกที่ได้ประโยชน์จากความต้องการด้าน cybersecurity ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว
ที่มา LHFUND, Bloomberg, CNBC, Investing 24 ต.ค. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

