สรุปภาวะตลาด
“ลงทุนอย่างไร? เมื่อดอกเบี้ย FED จะสูงต่อเนื่อง”
คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (“FED”) ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ไปอยู่ที่ 3.00%-3.25% ตามคาด แต่ปรับคาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.4% และคาดดอกเบี้ยจะขึ้นไปสูงสุด (Terminal Rate) ที่ 4.6% ปีหน้า นอกจากนี้ยังลดคาดการณ์ GDP growth ของสหรัฐฯ ปีนี้และปีหน้าลงเหลือ 0.2% และ 1.2% ตามลำดับ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงรุนแรงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยดัชนี S&P500 และ Nasdaq ลดลง 4.7% และ 5.1% ตามลำดับ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นยุโรป STOXX50 ลดลง 4.3% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน จากเศรษฐกิจที่อยู่ในรอบของการฟื้นตัว ขณะที่ VIX Index เพิ่มขึ้นเป็น 30 และ Greed & Fear Index มาอยู่ในโซน Extreme Fear อีกครั้ง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 และ 10 ปี เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาอยู่ที่ 4.2% และ 3.7% ตามลำดับ ส่วน Dollar Index ทำสถิติแข็งสุดในรอบ 20 ปี โดยอยู่ที่ 113
- Core PCE ของสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม (คาด 0.4% mom) หากเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่นยอดขายบ้านใหม่ (คาด 500,000 หลัง) และบ้านมือสอง (คาด -1% mom)
- ผลประมูลพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 และ 5 ปี ซึ่งหากมีผู้ประมูลให้ความสนใจจำนวนมาก และผลการประมูลมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าในปัจจุบัน จะทำให้ bond yield ชะลอการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
- แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนผ่าน Caixin Manufacturing PMI เดือนกันยายน (คาด 50.2)
- คาด FED ต้องคงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงนานกว่าเดิมและอาจต้องรอจนกว่าไตรมาส 4/2565 หรือ ไตรมาส 1/2566 ที่ค่าเช่าที่อยู่อาศัยจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจนทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงอย่างเห็นได้ชัด การหลีกเลี่ยงเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงกว่าคาดอาจเป็นไปได้ยากมากขึ้น
- แม้ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงตอบรับ Terminal rate ที่มากกว่าคาดไปแล้วระดับหนึ่ง แต่ระยะสั้นยังคงผันผวนสูง ผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและลงทุนระยะกลางยาว การลงทุนใน SSF, RMF เพื่อลดหย่อนภาษี มองเป็นโอกาสในการทยอยสะสม โดยปัจจัยบวกในระยะถัดไปคือตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3-6 เดือนหลังเลือกตั้งสหรัฐฯ กลางเทอม
- ยังให้น้ำหนักในหุ้นของประเทศที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการบริโภค รวมถึงยัง laggard และ valuation ไม่แพงเช่นไทย เวียดนาม กองทุนแนะนำเช่น
- LHSTRATEGY เน้นลงทุนหุ้นไทย โดยมุ่งหวังให้มีความผันผวนที่ต่ำ เหมาะกับตลาดช่วงที่ความผันผวนสูง
- LHVN ลงทุนในหุ้นเวียดนามที่คาดรายได้และกำไรเติบโตสูงต่อเนื่องในระยะกลางยาว
- LHDIVB หุ้นปันผลสูง และ/หรือ ซื้อหุ้นคืนสูง เหมาะกับการลงทุนช่วงตลาดผันผวน?
- LHCYBER ได้ประโยชน์จากความต้องการด้าน cybersecurity ยังคงเพิ่มขึ้นในระยะกลางยาว
ที่มา LHFUND, Bloomberg, CME FED Watch 25 ก.ย. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน