สรุปภาวะตลาด
"ตามคาด..FED ขึ้นดอกเบี้ย 0.75%" แต่...ปรับ Terminal Rate ขึ้น กดดันสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงสั้น
สรุปผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
- ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ไปอยู่ที่ 3.00%-3.25% ตามคาด
- Dot plot ล่าสุดคาดปี 2022 ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 4.4% นั่นคือช่วง 4.25%-4.50% และคาดดอกเบี้ยจะขึ้นไปสูงสุด (Terminal Rate) ที่ 4.6% ปี 2023
- คาด GDP ปี 2022 และ 2023 ลดลงมาอยู่ที่ 0.2% และ 1.2% yoy (ลดลงจากเดือนมิ.ย. ที่ 1.7% และ 1.7% yoy ตามลำดับ) สะท้อนมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- Unemployment rate ปี 2022 และ 2023 คาด 3.8% และ 4.4% ตลาดแรงงานยังร้อนแรงในปีนี้ แต่ปีหน้าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอลง
- PCE ปี 2022 และ 2023 คาด 5.4% และ 2.8% yoy เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. ที่ 5.2% และ 2.6% yoy
- Core PCE ปี 2022 และ 2023 คาด 4.5% และ 3.1% yoy ตรงนี้บ่งบอกว่าเงินเฟ้อกลุ่มที่ Sticky เช่นค่าเช่าบ้าน นั้นจะลดลงอย่างช้าๆ ทำให้ FED ต้องคงดอกเบี้ยสูงเป็นระยะเวลาที่นานขึ้น
- FED ยังคงส่งสัญญาณเหมือนที่ Jackson Hole คือ ต้องการเอาเงินเฟ้อลงมาที่ระดับ 2% ให้ได้ และย้ำชัดว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้สำเร็จ และการชะลอลงการการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้มีคนที่ต้องตกงานเพิ่มในตลาดแรงงานเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตรตอบรับอย่างไร?
- Fed Fund Futures คาดมีโอกาส 70.5% ที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือน พ.ย. และคาดขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.5% ในเดือนธ.ค. ทำให้สิ้นปี 2022 ดอกเบี้ยสหรัฐฯ อยู่ที่ 4.25% - 4.5%
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 และ 10 ปี อยู่ที่ 4.1% และ 3.55% ตามลำดับ
- ตลาดหุ้นทั้ง S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลง 1.7% และ 1.8% ตามลำดับ
เรามีมุมมองอย่างไร?
- คาดเงินเฟ้อพื้นทั่วไปจะค่อยๆ ชะลอลง โดยมีเงินเฟ้อพื้นฐานที่จะยังลดลงอย่างช้าๆ ทำให้เงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับสูงยาวนาน เป็นผลให้ FED ต้องคงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงนานกว่าเดิม
- การหลีกเลี่ยงเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงอาจเป็นไปได้ยาก หากพิจารณาจากแนวทางของ FED แต่อย่างไรก็ดีเป็นโอกาสในการลงทุนระยะกลางยาว เนื่องจากหากเศรษฐกิจถดถอยจริง FED มีสามารถลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้
- คาดตลาดหุ้นที่ปรับตัวลง ตอบรับ Terminal rate ที่มากกว่าคาดไปแล้วระดับหนึ่ง
- ในช่วงถัดจากนี้คาดตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเคลื่อนไหว sideway และความผันผวนยังสูง ผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและลงทุนระยะกลางยาวอาจทยอยสะสม โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3-6 เดือนหลังเลือกตั้ง (สหรัฐฯ มีเลือกตั้งสส. และ สว. ต้นเดือนพ.ย.)
- ยังให้น้ำหนักในหุ้นของประเทศที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการบริโภค รวมถึงยัง laggard และ valuation ไม่แพงเช่นไทย เวียดนาม กองทุนแนะนำเช่น LHSELECT, LHVN เป็นต้น
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ที่มา : LH Fund, Bloomberg, CME FED Watch, federalreserve.gov วันที่ 22 ก.ย. 65