สรุปภาวะตลาด
"รสชาติถูกปากคนไทย...ส่วนผลกำไรถูกใจนักลงทุน"
Kraft และ Heinz ได้รวมกิจการทำให้กลายเป็นบริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ในสหรัฐฯ และเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยการดีลครั้งนี้เป็นผลมาจากการประสานงานระหว่าง มหาเศรษฐีของโลก “Warren Buffett” ซีอีโอแห่ง Berkshire Hathaway และนักลงทุนชาวบราซิล บริษัท 3G Capital
มีรายงานว่า ใช้เม็ดเงินในการควบรวมกิจการครั้งนี้ราว 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และหลังจากนี้บริษัททั้งสองจะถูกเรียกขานใหม่ว่า “Kraft Heinz Company”
สำหรับ Kraft นั้นมูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ 3.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นบริษัทที่โด่งดังในผลิตภัณฑ์ Velveeta cheese และ Oscar Mayer meats ส่วน Heinz นั้นแน่นอนว่าคือ ซอสมะเขือเทศ และมีการคาดการณ์กันว่าหากรวมบริษัทกันแล้วจะทำให้รายได้ต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
Warren Buffett ได้ออกแถลงการณ์ว่า “ผมนั้นปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนในการนำสองบริษัทที่ยิ่งใหญ่และถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งแบรนด์ที่ยอดเยี่ยมมารวมเข้าด้วยกัน นี่คือการดำเนินการทางธุรกิจ ได้รวมสององค์กรระดับworld-class เข้าด้วยกัน และส่งต่อสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น ผมตื่นเต้นที่จะได้มีโอกาสเห็นองค์กรใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างยิ่ง”
The Kraft Heinz Company Free Cash Flow
ในส่วนของทาง บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ นั้น ก็มีกองทุน LHDIVB ที่มีหุ้นของบริษัท Berkshire Hathaway ด้วยเช่นกัน โดยบริษัท Berkshire Hathawat ก็ได้ลงทุนในบริษัท KraftHeinz ด้วย สำหรับในสภาวะที่ตลาดอยู่ในช่วงขาลง หรือ มีความผันผวนสูงนั้น กองทุน LHDIVB จะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ และ บริษัทที่มีกระแสะเงินสดสูง อย่างกองทุน LHDIVB ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการบริหารเงินลงทุนและลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จึงขอแนะนำลงทุนในกองทุน LHDIVB
ที่มา https://www.marketingoops.com, BBC Business Insider
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน