สรุปภาวะตลาด
“กลยุทธ์ใดเหมาะกับครึ่งปีนี้? ถ้า..ยุโรปจะถดถอย..และอเมริกาจะชะลอตัว”
อัตราเงินเฟ้อในยุโรปยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ 8.6% yoy ผลักดันโดยราคาพลังงานและอาหารเป็นหลัก ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของชาวสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด บ่งบอกถึงแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวลงในระยะข้างหน้า
ตลาดหุ้นหลักๆ ทั้งสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวลง 1.5% - 4.3% ตามลำดับ กดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการเกิดเศรษฐกิจถดถอยของนักลงทุน ขณะที่ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียเช่นจีนและไทยปรับเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี
- ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐฯ รวมถึงยอดค้าปลีก และดัชนีผู้จัดการฝ่ายตัดซื้อรวมของยุโรป หากต่ำกว่าคาดจะบ่งบอกแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอลง
- ดัชนีเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) ของจีน หากต่ำกว่าคาด จะทำให้เงินเฟ้อมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุด
- สำหรับในช่วงเดือนกรกฎาคม คาดจะเห็นตัวเลขเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ทั้งการจ้างงาน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ GDP growth รวมถึงการเติบโตของกำไรบริษัท ที่ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ เพื่อชะลอเงินเฟ้อฝั่งอุปสงค์ (demand) ลง
- กลยุทธ์การลงทุน เลือกลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง หนี้สินต่ำ หรือเลือกลงทุนในบริษัทที่ครึ่งหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว กำไรมีโอกาสเติบโตต่อ และ valuation ไม่แพง กองทุนแนะนำเช่น
- LHDIVB: หุ้นปันผลสูง และ/หรือ ซื้อหุ้นคืนสูง เหมาะกับการลงทุนช่วงตลาดผันผวน
- LHSTRATEGY: ลงทุนหุ้นไทย low beta เหมาะกับช่วงที่ตลาดผันผวนสูง
- LHCYBER: ความต้องการด้าน cybersecurity ยังคงเพิ่มขึ้นในระยะกลางยาว
- LHCHINA: ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และธนาคารกลางจีน การเปิดเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการกดดันบริษัทที่ไม่ได้มีเพิ่มเติม
- LHPROPIA: กองทุนสู้เงินเฟ้อ ขึ้นค่าเช่าได้ตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อัตราการเช่าเพิ่มสูงขึ้นจากการเปิดเศรษฐกิจ และมีเงินปันผลคาดหวังระดับสูงที่ 5%-6%
ที่มา LH Fund 3 มิ.ย. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน