สรุปภาวะตลาด
“อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้สร้างความผันผวนระยะสั้น...
แต่เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาว”
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของทั้งสหรัฐฯ และยุโรปเดือนพ.ค. ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าและมากกว่าคาดการณ์ของนักลงทุน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (“ECB”) ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ขึ้นเป็น 6.8% yoy จากเดิม 5.1% yoy
ผลจากการที่อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้นักลงทุนกังวลว่าทั้ง FED และ ECB จะต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกมากเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อจึงพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยง เป็นผลให้ตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลกปรับตัวลดลงแรงในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป
- ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) โดยนักลงทุนคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% สิ่งที่ต้องติดตามคือมุมมองต่อเงินเฟ้อและทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไป
- คาดว่าความผันผวนในตลาดจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป และแม้ตลาดหุ้นจะ rebound ได้บ้างแต่คาดว่าเป็นการ rebound ในระยะสั้น โดยจะกลับตัวเป็นขาขึ้นได้เมื่อ bond yield และ real yield ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อเริ่มมีสัญญาณว่าเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุด
- แม้ความผันผวนจะยังสูง แต่จากสถิติพบว่า S&P500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วง 1 ปี หลังเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุด 9 ใน 13 ครั้ง (หรือ 70%) ทำให้มองว่าเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นสำหรับนักลงทุนระยะยาว ขณะที่นักลงทุนระยะสั้นแนะนำ wait and see กองทุนที่แนะนำได้แก่
- LHDIVB หุ้นปันผลสูง และ/หรือ ซื้อหุ้นคืนสูง เหมาะกับการลงทุนช่วงตลาดผันผวน
- LHMSFL เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลางขนาดเล็กที่มีโอกาสเติบโตสูง
- LHCYBER ได้ประโยชน์จากความต้องการด้าน cybersecurity ที่เพิ่มขึ้นในระยะกลางยาว ราคาที่ปรับลงมามากเป็นโอกาสสะสม เหมาะสำหรับผู้ลงทุนได้ 1 ปี ขึ้นไป
- LHJAPAN เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ประโยชน์จากการบริโภคที่ฟื้นตัวจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
- LHPROPIA กองทุนสู้เงินเฟ้อ เพราะขึ้นค่าเช่าได้ตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อัตราการเช่าที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเปิดเศรษฐกิจ และมีเงินปันผลคาดหวังระดับสูงที่ 5%-6%
ที่มา LH Fund 12 มิ.ย. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน