สรุปภาวะตลาด
"เมื่อความผันผวนสูงเป็นเรื่อง “ธรรมดา” ของตลาดหุ้น แต่โอกาสลงทุนยังเปิดกว้าง"
ธนาคารกลางสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนพฤษภาคมตามคาด แต่ยังไม่มีแผนขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในครั้งถัดไปหากเงินเฟ้อเป็นไปตามคาดการณ์ ขณะที่ทำ Quantitative Tightening ใน 3 เดือนแรกน้อยกว่าคาดเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น ขณะที่การจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เดือนเมษายนดีกว่าคาดแสดงถึงเศรษฐกิจยังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ด้านประธานธนาคารกลางอังกฤษเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและกล่าวว่ายุโรปอาจไม่สามารถหลีกพ้นเศรษฐกิจถดถอยได้
ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่ยังมีความผันผวนสูงและปรับตัวขึ้นลงแรงรายวันตาม “ข่าว” ที่เกิดขึ้น และ “อารมณ์” ของนักลงทุน อย่างไรก็ดีเมื่อดูเป็นรายสัปดาห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลง 0.2% - 1.5% น้อยกว่าตลาดหุ้นยุโรปที่ลดลง 3%-4% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยและเวียดนามลดลงประมาณ 2% ส่วนราคาพลังงานและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
- ติดตามว่าวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวัน Victory Day ว่ารัสเซียจะโจมตียูเครนเพิ่มเติมหรือจะตอบโต้การ sanction จากชาติในยุโรปเพิ่มเติมหรือไม่ โดยหากไม่มีมาตรการรุนแรงเพิ่มเติม หรือมาตรการที่ออกมารุนแรงน้อยกว่าที่เป็นในปัจจุบัน จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นได้
- ติดตามอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนเมษายน (คาด 0.2% mom) ซึ่งแม้จะออกมาสูงกว่าคาด แต่หากลดลงจากเดือนก่อนหน้า จะทำให้นักลงทุนคลายความกังวลว่า FED จะต้องขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าคาดได้
- ในระยะสั้นความผันผวนในตลาดหุ้นยังอยู่ในระดับสูงต่อไป และเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดนับตั้งแต่มีตลาดหุ้น จึงแนะนำกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างๆ เนื่องจากจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ทการลงทุนได้ โดยมีกองทุนที่แนะนำได้แก่
- LHMSFL: หุ้นไทยมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะกลางยาว แต่ในระยะสั้นอาจโดนขายทำกำไรหลัง outperform ตลาดหุ้นอื่นๆ มาตั้งแต่ต้นปี ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสในการทยอยเข้าลงทุน
- LHCYBER: หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากความต้องการด้าน cybersecurity ที่เพิ่มขึ้นและกลุ่ม quality growth ยังน่าสนใจลงทุนในระยะกลางยาว หลังปรับตัวลงมาแรงจน valuation อยู่ในระดับน่าสนใจ
- LHPROPIA: REITs และ Infrastructure Fund ในเอเชียมีความน่าสนใจจากค่าเช่าที่ปรับเพิ่มได้ตามอัตราเงินเฟ้อ อัตราการเช่าที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเปิดเศรษฐกิจโดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง รวมถึง dividend yield ที่อยู่ในระดับสูง 5%-6%
- LHGOLD: สามารถใช้เป็นสินทรัพย์เพื่อ hedging risks ที่กล่าวไปข้างต้นได้ แนะนำทยอยซื้อเมื่อราคาปรับตัวลดลง
ที่มา LH Fund 8 พ.ค. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน