สรุปภาวะตลาด
"FED จะขึ้นดอกเบี้ยแรงและเร็ว Theme ลงทุนใดน่าสนใจ"
เกิดอะไรขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวว่ามีโอกาสที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตรา 0.5% ในการประชุมครั้งถัดไป ซึ่งเร็วและมากกว่าที่คาดการณ์ไว้และอาจทำการลดสภาพคล่อง (QT) ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน
ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยไม่ได้ให้น้ำหนักกับท่าทีของ FED และสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนมากเท่าช่วงก่อนหน้า โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ทั้ง S&P500, Dow Jones และ Nasdaq หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นได้แข็งแกร่ง เป็นไปตามที่เราแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่ม quality growth ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 ปี และ 10 ปี ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ที่ขึ้นเร็วกว่าเป็นหลัก
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
ติดตามการเปิดเผยยอดการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีนที่จัดทำโดย Caixin โดยเรามองว่าปัจจัยที่บ่งบอกถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจ จะเป็นปัจจัยที่ให้นักลงทุนให้นำหนักมากขึ้นในระยะถัดไป
มุมมองและกลยุทธ์การลงทุน
-หุ้นเวียดนาม มีความน่าสนใจลงทุนจากเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น โดยปี 2565 คาดเติบโต 6-7% สูงสุดในอาเซียน และได้ประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ขณะที่กำไรบริษัทคาดเติบโต 15-20% และ valuation ที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ
-หุ้นไทยยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะกลางยาว แต่ในระยะสั้นอาจเผชิญการปรับลดกำไรต่อหุ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นหากไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังลูกค้า
-Fund flow มีแนวโน้มกลับมาลงทุนในหุ้นกลุ่ม quality growth อีกครั้งหลังปรับตัวลงมาแรงในช่วงก่อนหน้า จน valuation อยู่ในระดับน่าสนใจอีกครั้ง
-นักลงทุนระยะสั้น รับความผันผวนได้สูง ทยอยลงทุน ส่วนนักลงทุนระยะยาวสามารถทยอย DCA ได้กองทุนที่น่าสนใจลงทุนเช่น LHVN, LHDIGITAL,
LHSELECT-D, LHMSFL, LHPROPIA และ LHUSFIN เป็นต้น
ที่มา LH Fund 28 มี.ค. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน