สรุปภาวะตลาด
"ผลประชุม FED และสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ชี้ชะตาตลาดหุ้น"
เกิดอะไรขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงดำเนินต่อไปด้วยความไม่แน่นอน โดยแม้จะมีการเจรจากันหลายครั้งแต่ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้แม้ยูเครนจะยินยอมไม่เข้าเป็นสมาชิก NATO แล้ว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.5% mom เท่ากับคาดการณ์และลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า
ผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน
ตลาดหุ้นหลักๆ ในต่างประเทศยังผันผวนสูงและปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้นยุโรปที่ rebound เล็กน้อยจากความหวังเชิงบวกในการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลาดหุ้นจีนทั้ง H-Shares และ A-Shares ปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดอื่นๆ โดย H-Shares ได้รับปัจจัยลบจากการที่ความเป็นไปได้ในการถูกถอดถอนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ขณะที่ A-Shares ได้รับผลกระทบจากการ lock down ในประเทศจีนเพื่อสกัดการระบาดของ COVID-19 ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่ง โดยปรับตัวลง 0.8% เท่านั้น
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
ติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (“FED”) และทิศทางนโยบายการเงิน โดยคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และยังไม่เร่งการดึงสภาพคล่องออกจากระบบ (“QT”) เนื่องจากปัจจัยความรุนแรงระหว่างรัสเซีย-ยูเครน กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ติดตามความคืบหน้าการเจรจาระดับผู้นำรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งหากออกมาในเชิงบวก จะเป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์เสี่ยง
มุมมองและกลยุทธ์การลงทุน
-หุ้นไทยยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะกลางยาว แต่ในระยะสั้นอาจเผชิญการปรับลดกำไรต่อหุ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นหากไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังลูกค้า
-FED มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนมีนาคม เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่ม quality growth
-นักลงทุนระยะสั้น รับความผันผวนได้สูง ใช้เป็นโอกาสทยอยลงทุนในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ส่วนนักลงทุนระยะยาวสามารถทยอย DCA ได้ในช่วงตลาดปรับตัวลง
-กองทุนที่น่าสนใจลงทุนเช่น LHDIGITAL, LHCYBER, LHVN, LHSELECT-D และ LHMSFL
ที่มา LH Fund 14 มี.ค. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน